2 วัน 1 คืน กำเงิน 3000 บาท ไป ฟรุ้งฟริ้งที่ นครสีชมพู ชัยปุระ อินเดีย


jaipur ..
เคยไป เมืองนี้เมื่อ สมัย 7 ปีที่แล้ว ตอนนั้น เป็นครั้งแรกที่เหยียบอินเดีย ยังเที่ยวไม่เป็น ข้อมูลมีน้อย. ทำให้พลาด หลายสิ่งหลายอย่าง จากเมืองนี้ไป
สมัยก่อน ใช้วืธีบินลง นิวเดลี แล้วนั่งรถบัสมา ลำบาก สาหัส

วันวาเลนไทน์ ที่ผ่านมา ได้โอกาสดี เดินทางไป เมือง ชัยปุระ กับสายการบิน ไทยสมายล์ .
ทำให้ได้รู้ว่า มีสายการบิน ที่บินตรง กรุงเทพ ชัยปุระ (Jaipur) ไม่ต้องไปต่อเครื่อง ต่อบัส ที่ไหน ร่นระยะเวลาการเดินทาง ให้ลดลง สำหรับคน งานยุ่ง วันหยุดน้อย
ค่าเครื่องบิน ขึ้นต้นว่า ไทยสมายล์ ก็ไม่ได้แพงรุนแรงสาหัส อย่างที่หลายคนเข้าใจ
ค่าเครื่อง ถ้าหาวันดีดี ตกอยู่ที่ 8 พัน กว่าบาท เท่านั้น

โหลดกระเป๋า ฟรีถึง 30 กก สำหรับชั้นสมายล์คลาส และ 40 กก. สำหรับ สมายล์พลัส
มีบริการของว่าง และเครื่องดื่ม ทุกที่นั่ง ฟรี ..ผ้าห่มอุ่นๆ หมอนนุ่มๆ


-สำรองที่นั่งได้ก่อนใคร ฟรี ก่อนเดินทาง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ตรวจสอบรายละเอียดได้ จาก www.thaismileair.com/faq
-สะสมรอยัลออร์คิดพลัส รับไมล์สะสม ดูตารางไมล์สะสม และวิธีแลกตั๋วได้ที่ www.thaismileair.com/th/faq/thaismile
สนใจจองได้ที่ www.thaismileair.com



วีซ่าอินเดีย สามารถ ทำออนไลน์ได้ พอบินไปถึง จะมีเคาน์เตอร์ ตม. สำหรับวีซ่า ออนไลน์ ให้ปั๊มลายนิ้วมือกับถ่ายรูปได้ สะดวกสบาย สำหรับคนที่ไม่มีเวลา
เราออกเดินทางวันเสาร์ บินถึง ชัยปุระตอน ตี 2 ก็ นอนมันที่สนามบินนั่นแหละ .. รอฟ้าสว่าง
สนามบิน มีเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นผู้หญิง เดินไป เดินมาเต็มไปหมด.. รู้สึกอุ่นใจ กว่าการพยายามออกไป ข้างนอก ตอนกลางคืน.
7 โมงเช้า ฟ้าสว่าง เดินออกไป ด้านหน้าสนามบิน เดินทะลุ ออกไปถนนด้านหน้า
เดินผ่านทหารยามออกมา ฝั่งตรงข้ามประตู จะเจอรถเมล์ จอดอยู่
เดินข้ามถนนไป ขึ้นรถเมล์ สาย 6A เป็นรถเข้าเมือง.
ค่ารถเมล์ 12 รูปี
เราพักที่ โฮสเทล ชื่อ Backpacker panda Jaipur Hostel ลงรถเมล์ ที่ MI Road รถเมล์ จอดหน้า โรงแรมพอดีเลย..
(ใครสนใจรูปถ่ายกับรายละเอียด ตรงนี้ ตามอ่านได้ที่ วิธีเดินทางไปทัชมาฮาล)









เดินออกมา ที่ MI road หันหน้าเข้าหา ป้าย MI road เดินไป ทางขวามือ ไป Old city ที่แรกที่ เราจะไป คือ City Palace
ช่วงแรก วิธีที่เราใช้ คือ เราเดินชมเมืองไป เรื่อยๆ ถามทางชาวบ้าน ว่า รถเมล์ สายไหน ไป City Palace และ สุดท้าย สายที่ ผ่าน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ที่เราค้นพบคือ รถมินิบัส สาย 29 ค่ารถ 10 รูปี
City Palace ไปง่าย รถผ่านหลายสายมาก . ตรงจุดนี้ จะมี Jantar Mantar และ Hawa Mahal อยู่ใกล้ๆ กัน ทำให้ไม่เสียเวลาเดินทาง ไป ทีเดียว ได้ถึง 3 ที่







City Palace ค่าเข้า 500 รูปี เป็นพระราชวัง อายุ เกือบ 300 ปี สร้างโดย มหาราชา สวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 Maharaja Sawai Jai Singh II
เป็นวังเก่ากลางเมือง Landmark แรก ของ นครสีชมพู
เดินออกมาจาก City Palace แค่ฝั่งตรงข้าม ถนนเล็กๆ ก็ จะเจอ
Jantar Mantar สถาปัตยกรรมนาฬิกาแดดยักษ์ ปฏิทินจันทรคติ คำนวณวันเดือน ปี ชั่วโมง สร้างโดย มหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 มีอายุ ร่วม 300 ปี เป็นการผสมผสาน วิทยศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมเข้าด้วยกัน อย่างลงตัว ได้รับการยกย่องให้ เป็น มรดกโลก ในปี 2010









ค่าเข้า 200 รูปี ปิด ห้าโมงเย็น แต่รอบกลางคืน มี แสงสีเสียง .. ตามวันและเวลา .. แต่กลางคืน ไม่แนะนำให้ออกมาข้างนอกเท่าไหร่ เพราะ ผู้หญิงอินเดีย จะไม่นิยมออกมานอกบ้านเวลากลางคืน ออกมาจะเจอแต่ผู้ชาย ซึ่งไม่ค่อยปลอดภัย
เดินออกมาจาก Jantar Mantar ถามทางคนแถวนั้นก็ได้ ไม่ไกล แค่ประมาณ 500 เมตร จะเจอ
Hawa Mahal พระราชวังสายลม.




ถือว่า เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ เพราะเป็นวังสีชมพู มีหน้าต่างเหมือนรังผึ้ง สร้างจากหินทรายสีชมพู
ที่นี่ จุดชมวิวตึก ที่สวย จะอยู่บริเวณ ถนน ด้านหลังตึก ซึ่งจะมองเห็น หน้าต่างตึก เพราะ ในอดีต หน้าต่างของตึกนี้สร้างไว้สำหรับให้นางใน ไว้ส่องดู ขบวนแห่ งานเทศกาล ที่จัด ด้านนอกวัง
ถนนด้านหลังตึกนี้ วิวจะสวยยามเช้า เพราะแดดจะส่อง ที่ตัวตึกพอดี ..
ฝั่งตรงข้ามถนน จะมีร้านกาแฟ เปิดอยู่สองร้าน บนชั้นดาดฟ้า เดินขึ้นไป ชมตึก ถ่ายภาพ ได้พอดี.












ด้านใน พระราชวัง ค่าเข้า 200 รูปี แต่ด้านใน ถ่ายภาพสวย ช่วงบ่าย.. เดินขึ้นชมถึงยอดบนสุด จะเห็นวิวเมือง ชัยปุระ จากมุมสูง และ มองเห็น ป้อม Amber อยู่ลิบๆ
จาก Hawa Mahal เราเดิน ไป โบกรถที่วงเวียน .. ใช้วืธีถาม คน ที่เดินไป เดินมา ว่าไป Shrilaxminarayan Temple ทางไหน..
สรุปนั่งรถ เมล์ ไปลงใกล้ๆ. แล้วเดินต่อ ไปถึงหน้าวัด..
วิธี นั่งรถเมล์ ในอินเดีย แนะนำให้ทำเหมือนเมืองไทย คือ เปิด GPS หาคร่าวๆ แล้วเดินถามทางคน เพื่อ หา จุดที่รถเมล์ ผ่านก่อน แล้ว โบกรถเมล์ ถามไปเรื่อยๆว่า คันไหน ผ่าน ซึ่งส่วนมาก หาไม่ยาก เพราะ เมืองชัยปุระ มีรถเมล์ เยอะมาก.
ค่ารถเมล์ จาก พระราชวังสายลมมา ราคาแค่ 10 รูปี

Birla Mandir Jaipur หรือ Shrilaxminarayan Temple เป็นวัดที่สมัยใหม่ ที่สร้างขึ้นจากหินอ่อน ทั้งหลัง เป็นวัดฮินดู ที่ชาวอินเดียนิยมไป เยี่ยมชม สักการะ ขนาดว่าเหมารถทัวร์มา กันเป็นคันรถ เลยทีเดียว วัดนี้มีเวลาปิดเปิด คือ หน้าร้อน 6 โมงเช้า ถึงเที่ยง และเปิดอีกทีช่วงบ่าย 3 ถึง สามทุ่ม
ส่วนหน้าหนาว เปิด ช้า หน่อยคือ 6 โมงครึ่ง และปิดไวขึ้น คือ สองทุ่มครึ่ง


เดินออกมาด้านหน้าวัด ช่วงค่ำ จะมีตลาดรถเข็นกลางคืน ขายอาหารอินเดีย ตาดีได้ตาร้ายเสีย ร้านไหนอร่อย คงต้องพึ่งดวง ราคา อาหารรถเข็น แค่ 60 รูปี ต่อจาน
วิธีเดินทางกลับที่พัก ของเราคือ โบกรถเมล์ สาย 55 ไป ลง ที่ MI road .ใกล้ที่พัก..ค่ารถเมล์ 10 รูปี
วันที่ 2
เราออกไปไกลหน่อย คือ ไปเมือง Amer ซึ่งอยู่ไกลออกไป ราว 10 กม. Amer เป็นเมืองเล็กมาก เพราะมีขนาดเมือง แค่ 4 ตารางกม. เท่านั้น
เป้าหมายคือ เราจะ ไป Jal Mahal ( The Water Palace)
ซึ่งเป็นพระราชวัง กลางทะเลสาบ พระราชวังแห่งนี้สร้างโดยมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 (Maharaja Sawai Jai Singh II) ตัวอาคารใช้หินทรายโทนสีเปลือกไข่ในการก่อสร้าง
วิธีไป ใช้รถมินิบัส สาย 29 ค่ารถ 10 รูปี โชคดีได้นั่ง โชคร้าย ห้อยโหนหน่อย แต่ก็ไป ถึงอย่างปลอดภัย





Jal Mahal จะอยู่กลางน้ำ ด้านหน้า เป็น สวนสาธารณะ มีของขาย เดินเล่นชมวิวได้แบบเย็นสบาย
จากนั้น เดินข้ามถนนกลับมา จุดเดิม .ที่รถจอด โบกรถ สาย 29 เหมือนเดิม สุดสายคือ
Amber fort แต่ก่อนถึง Amber fort จะผ่าน Jaigarh Fort ซึ่งสองป้อมนี้ จะมี อุโมงค์ ทะลุ ถึงกัน เพื่อใช้ในการหลบหนีของราชวงค์ ในกรณีที่ป้อมถูกยึด
เราไม่ได้แวะ Jaigarh Fort แต่ถ้าใครมีเวลาเหลือ ก็สามารถแวะได้ เราข้ามไป ที่ Amber fort ซึ่งสุดสาย รถ จอด
Amber fort

ตั้งอยู่บนยอดเขา มีแม่น้ำอยู่ด้านหน้า เดินขึ้นเขาไป ด้านบนจะเป็นพระราชวัง มีค่าเข้าด้านบน 200 รูปี แต่เนื่องจากเวลาเราไม่พอ เพราะ มัวแต่เถลไถล ในเมือง ครึ่งวัน เลย ทำได้แค่ถ่ายรูปด้านนอกและบางส่วนของป้อม เลยไม่ได้เข้าไป ข้างใน














ขากลับ. โบกรถสายเดิม คือ สาย 29 ค่ารถ 10 รูปี ไปลง ตรงวงเวียน ใกล้ พระราชวังสายลม แล้ว ต่อ สาย 5 ไป หาข้าวกิน แถว MI Road อีก 10รูปี
อาหาร ที่เรากินที่ Jaipur เป็นไก่ย่าง Tikka สไตล์ อินเดีย เป็นไก่ย่างผสมเครื่องเทศ รสชาติ อร่อยถูกปากคนไทย แต่ให้ระวัง น้ำจิ้มกับผักดิบ อาจต้องยั้งไว้หน่อย เพราะเป็นอาหารไม่ได้ปรุงสุก



ขากลับ เราโบกรถ สาย 6A จากวงเวียน ทางไป SMS Hospital ค่ารถ 10 รูปี กลับสนามบิน..
เวลา สองวัน 1 คืน เต็มอิ่ม กับนครสีชมพู คำนวณค่าใช้จ่ายแล้วถูกจนน่าตกใจ.
ถ้าใครมีวันเพิ่ม บวกอีก1วัน ไป อัครา เที่ยวทัชมาฮาล ก็ยังไหว เงินยังเหลือ..
สรุปค่าใช้จ่าย
1.ค่าเครื่องบิน.
2.ค่าวีซ่า 1900 บาท
3.ค่าอาหาร ตามอัธยาศัย เราเสียไป 700 รูปี
4.ค่ารถ เมล์ ทั้งหมด 92 รูปี
5.ค่าโฮสเทล 349 รูปี
6.ค่าเข้าชมสถานที่ ทั้งหมด 900 รูปี ถ้าใครเข้า ชมในป้อม แอมเบอร์ จ่ายเพิ่มอีก 200 รูปี
รวมค่าใช้จ่าย ไม่รวมค่าอาหาร= 1341 รูปี หรือ ใครเข้า ป้อมแอมเบอร์ รวมเป็น 1541 รูปี x0.57 =873.37+ 1900 = 2778.37 บาท ราคารวมค่าวีซ่าแล้ว…

Lassi โยเกิร์ตชื่อดังของเมือง ชัยปุระ
สำหรับ ตัวนกเองเสียค่าใช้จ่ายไป …3063.37 บาท รวมทุกสิ่งรวมค่าวีซ่า และค่ากิน อยู่ครบ..
ทริปนี้ นกไป ทัชมาฮาลด้วย.. ถ้ารวมกับทัชมาฮาล ทุกสิ่ง (คลิกลิ้ง ตามอ่านได้ที่ วิธีเดินทางไปทัชมาฮาล)

นกเสียค่าใช้จ่ายในทริป 3 วัน สองคืน ทัชมาฮาล ชัยปุระ ไปเพียง..
4838.46 บาท รวมทุกสิ่ง ทั้งค่าวีซ่า ค่ากิน ค่านอน ค่าเที่ยว..

ถ้าใครมั่นใจ ว่าโบกรถเมล์ได้ เบียดรถเมล์ไหว คุณสามารถทำให้มันถูกได้ ถึงเท่านี้ เลยทีเดียว แต่ถ้า คิดว่าไม่ไหว แนะนำให้เผื่อค่า จ้างรถตุ๊กๆ มาประมาณ วันละ 500 บาท.. ก็ยังคงถูกอยู่ดี ถ้ามีคนช่วยหาร..

อินเดีย .. ใครๆ ก็ไปได้..
โฆษณา