ทริป เกาหลีเหนือ ส่งกลับหรือจับขัง..10 days Liberation day tour ตอนที่ 13 Mt. Peakdu ภูเขาเลื่องชื่อ กับบทสรุปทริปเกาหลีเหนือตอนจบ
จาก Mt. Myohyang เราเดินทางกลับ พยองยาง เพื่อเดินทางไป สนามบิน แต่เช้า บินไป Mt. Peakdu
ภูเขา เปคดู เป็นภูเขาที่สูงที่สุด ของเกาหลี (2750 m.) และถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ของชาวเกาหลี
เพราะเป็นสถานที่เกิด ของกษัตริย์ Tangun กษัตริย์ ผู้เป็นตำนานแห่ง การกำเนิด ประเทศเกาหลี
เป็นสถานที่เกิดของประธานาธิบดี คิมอึนซุง
และยังเป็นสถานที่ ที่ ประธานาธิบดี คิมอึนซุง เคยใช้เป็นฐานทัพ ต่อสู้กับญี่ปุ่น ก่อนประกาศเอกราช
เครื่องบินที่พาพวกเราทะยานสู่ ภูเขาเปคดู เป็นเครื่องบินเก่า สมัยสงครามเกาหลี .. หรืออาจเก่ากว่านั้น
สภาพภายนอกสีด้าน โบราณ ด้วยความคลาสสิค ..
สภาพภายใน ..เก้าอี้ มีความโบราณ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน.
เมื่อลงไปนั่งทุกคนคาดเข็มขัดนิรภัย เพื่อความปลอดภัย เมื่อเครื่องทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เก้าอี้ก็โยกไปมาตามจังหวะ ของเครื่องบิน..
ตัวยึดของเก้าอี้ กับพื้นเครื่องบิน บางตัวหลวมและหลุด .. ถ้าเกิดอะไรขึ้น เก้าอี้คงดีดตัวหลุด ออกจากเครื่องบิน
ทุกคนนั่งลุ้นตัวสั่นขวัญแขวน อยู่ในเครื่อง จาก พยองยางสู่ เปคดู ใช้เวลา หนึ่งชม.
เครื่องบินที่เรานั่ง สั่นไหวไปมา ตลอดระยะเวลา หนึ่งชม. แต่ก็ร่อนลงจอด ด้วยความปลอดภัย เพราะความชำนาญของนักบิน
รถบัสสภาพเก่า โบราณ มารับเราจากสนามบิน สนามบิน หรือขอเรียกว่าลานบิน เป็นพื้นคอนกรีต ในป่าสน แห่งหนึ่ง
ห้องน้ำ เป็นหลุมโบราณ ที่รวมรวมของเสีย อายุหลายสิบปี เอาไว้ที่นั่น ..มีกลิ่นกระจายอ่อนๆออกมา ตามแรงลมชื้นๆ
ใช้เวลาจากสนามบิน ไป เชิงเขา ราว 1 ชม.ครึ่ง ถนนเป็นถนนลูกรัง หลบซ่อนในป่าสน มีผู้คนชาวเกาหลีเหนือ ใส่ชุดทหาร โบราณ เดินผ่านเป็นระยะ .
ตรงเชิงเขา เปคดู อากาศหนาวเยียบและชื้นแฉะ ..
เราขอ ไกค์ลงเดิน… ไกค์บอกว่า ระยะทางราว 3 กม. หลังชวนคนบนรถ มีคนลงมาเดินกับเรา แค่ สองคน คือพี่เบญ กับเปโดร..
ที่เหลือ ป๊อด นั่งรถขึ้นเขา จากไป..
ภูเขาเปคดู ที่เราคิด ต่างจากที่เรามองเห็น โดยสิ้นเชิง ที่เราคิดคือภูเขาสูงๆ ต้นไม้สวยๆ แต่ที่เรามองเห็น และกำลังเดินขึ้น .. มันกองหินไซค์งานก่อนสร้าง ชัดๆ.
ภูเขาเปคดู สภาพเหมือนเพิ่งโดนระเบิดจากสงครามมา เป็นกองหินร่วนๆ ไม่มีต้นไม้ มีแต่ต้นหญ้า กับดอกไม้เล็กๆ ตามริมทาง.
ฝนเริ่ม พรำลงมา .. เราค่อยๆย่างเท้าเดินตามถนน และ ลัดตามโขดหิน ได้แต่คิดว่า ด้านบน เราเคยเห็นจากในภาพ มันต้องสวยงาม แน่นอน.
ใช้เวลาเดิน ราว 1 ชม .เห็นรถบัส จอดอยู่ แปลว่าขึ้นถึงยอด ฝนเจ้ากรรม ก็ เทลงมา..
ภูเขาเปคดู ที่ฉันเห็น คือไม่เห็นอะไรเลย นอกจากสายฝน . Lake Chon ทะเลสาบบนยอดเขา ที่สวยและสูงติดอันดับโลก ถูกปกคลุม ไปด้วยไอหมอกและสายฝน . เป็นความ fail ครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ยากจะลืมเลือน.
“ผมขึ้นมาที่นี่ 7ครั้ง ในชีวิต ยังไม่เคยได้เห็นตอนฟ้าเปิดเลย” ไกค์ชาวอังกฤษบอกเรา… แล้วทำไมไม่บอกกูก่อนกูซื้อทัวร์วะ…
youtube Channel เพื่อนนักสะพายเป้
จากยอดเขา เราเดินทาง ต่อไป ยัง Peakdusan Secret Camp ซึ่งเคยใช้เป็นฐานทัพต่อสู้กับทหารญี่ปุ่น ของประธานาธิบดี คิมอิลซุง และยังเป็นสถานที่เกิดของ ประธานาธิบดี คิมจองอิล หน้าตา เป็นเคบินไม้ในป่าสน .. มีกล้องวงจรปิด ติด ทุกจุด .
ตรงเคบิน ไกค์พยายามอธิบาย ชี้ชวนชม ของเล่นเก่า สมัยประธานาธิบดีเป็นเด็ก แต่ด้วยความล้า คำถามในหัวคือ ประธานาธิบดี อีกแล้วเหรอวะ.. จะยัดข้อมูลพวกนี้ในสมองเรา อีกนานแค่ไหน ไอ้อ้วนพวกนั้น มันเป็นแค่คนอ้วนสองสามคนในประเทศ มึงเท่านั้นแหละวะ.. ถึงจะยกย่องพวกมันมากแค่ไหน ก็รักกันได้ แค่อาณาจักรเล็กๆของพวกมึงเท่านั้นแหละ เพราะในสายตาของชาวโลก ก็แม่งเป็นพวกทรราชย์ หลังเขาอยู่ดี
ได้แต่แอบคิดในใจ แต่ใบหน้ายิ้มแย้ม.. กลัวไม่ได้กลับบ้าน.
เราแวะกินข้าวกันที่ ศาลาไม้ข้างๆ เคบิน แน่นอนว่าห้องน้ำ ยังคงเป็นห้องน้ำสยองขวัญแบบเดิม…
เราขออนุญาตไกค์ มุดเข้าไปฉี่ในป่า..จุดที่ไกลจาก เคบิน และปลอดจากกล้องวงจรปิด.
จากแคมป์ นั่งรถ อีกนานร่วม สองชม. แบบว่า นี่มัน บั๊มบัส ชัดๆ เด้งๆ เด้งๆ ไปข้างหน้า เด้งๆ ไปข้างๆ จนเราอดถามหา ฝรั่งท้องแก่ คนนึง ที่อยู่ อีกกลุ่มไม่ได้ว่า นางมาด้วยไหม
แต่ก็ต้องถอนหายใจโล่งอก เมื่อรู้ว่า นางกลับไปแล้ว.. เพราะทริปนี้ ถ้านางมา .. ลูกคลอดแน่ๆ
ในที่สุดก็ถึงสถานที่ อันโด่งดัง .. อีกที่..
Rimyongsu Waterfalls น้ำตก ที่พี่ท่าน ไปสร้าง ศาลา ไว้ด้านบน ก็สวยไปอีกแบบ ..
แต่ความรู้สึกคือ นั่นมันน้ำตกธรรมชาติ ดันไปสร้างศาลทับ จนหน้าตาเหมือนน้ำตกปลอม .
ตรงน้ำตกนี่เอง ที่เราเจอคนท้องถิ่น จำนวนมาก. แต่ละคนแต่งตัวเหมือนทหารโบราณ สมัยสงครามโลก
คนเกาหลีเหนือ ตัวเล็ก เตี้ย ผอมแกร็น ใบหน้าเหมือนคนโบราณ
เหมือนคนบ้านนอกทั่วไป ที่ดูซื่อๆ และสนใจ ชาวต่างชาติ อย่างพวกเรา.
หลายคนเข้ามารุมขอถ่ายรูป จากมุมมองที่เราเห็น คนเกาหลีเหนือ ที่อยู่ชนบท ก็ดูมีความสุขดี ตามอรรถภาพ..
จากการสอบถาม.. ได้ความว่า คนพวกนี้ ถ้าจะออกมานอกจังหวัด ที่พัก ต้องทำการแจ้งขอ อนุญาต จากผู้นำหมู่บ้าน จะไปไหนมาไหน โดยพละการไม่ได้
ก็ออกแนวเหมือนโรงเรียนประจำขนาดใหญ่ เหมือนคุกยักษ์ ที่ต้องคอยรายงานตัว ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร ..
ข้อเสียคือ ไร้อิสรภาพ แต่ข้อดีคือ จะแอบไปทำระยำตำบอนอะไร ไม่ได้เลย .. การก่ออาชญากรรม จึงแทบไม่มี .. ประเทศนี้ จึงไม่มีตำรวจ
มีคนถามเราว่า ถ้าจะให้ไปอยู่ จะอยู่ไหม .. ถ้าเราอายุ ซัก 65 ไร้ ความต้องการในการใช้ชีวิตในโลก ไม่มีลูกผัว ไม่อยากไปเที่ยวไหน อยากอยู่กับธรรมชาติ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ไม่อยากเล่นอินเตอร์เนต ไม่อยากยึดติดกับวัตถุใดๆ แค่อยากทำงาน เล็กๆน้อยๆ ส่งเงินให้รัฐบาล กินข้าว อยู่ไปวันๆ จนกว่าจะแห้งตาย เราอยู่ได้ .. ถ้าเขาจะรับเราไป เป็นผู้อพยพนะ ดีกว่านอนรอความตายอยู่ใต้ถุนบ้านไม้เก่าๆ คนเดียวตอนแก่ ให้ยุงรุมมดไต่ ไร้ลูกผัว.ดูแล
ช่วงเย็น เราไป ชมการแสดง ของเด็กๆ ที่โรงเรียน ของเมือง Samji ใกล้ภูเขา เปคดู การแสดงของเด็กๆ เป็นการแสดง สไตล์ เกาหลีเหนือ เหมือนเด็กน้อยกลายเป็นหุ่นยนต์ ท่าเต้นเหมือนหุ่นยนต์ เต้นหน้านิ่ง เล่นตลกหน้านิ่ง ร้องเพลง หน้านิ่ง
และปิดท้ายด้วยการร้องเพลงสรรเสริญท่านผู้นำ ..
เรานั่งดูไปหาวไป .. แต่ตอนแสดงจบ ดันถูกบังคับให้ขึ้นเวทีไปมอบช่อดอกไม้ให้เด็กๆ ตามประสา นางงามผู้รักเด็ก สุดหัวใจ.
คืนนั้นเราพักที่ Pegaebang Hotel ซึ่งอยู่ใน เมือง Samji ข้างเขาเปคดู เป็นโรงแรมที่ ให้เวลาใช้น้ำร้อน แค่ 1 ชม.

ช่วงอยุ่โรงแรมภาพเราใช้เครื่องคิดเลขถ่ายมา โคตรมัว
ที่โรงแรมเรา กลุ่มทัวร์ แต่ละกลุ่ม มาเจอกัน ทำให้เรารู้ว่า กลุ่มปั่นจักรยาน ปั่นกันไกลมาก และโคตรอึด .. มันคงอินดี้มากกับการมาปั่นจักรยาน ทีนึงหลายร้อยกิโล ที่เกาหลีเหนือ .. เค้ามาปั่นกันที 9 วัน 10 วัน และค่าปั่นจักรยาน แพงมหาโหด หลักแสน
วันรุ่งขึ้นเรา เดินทางไป Samjiyon Town เพื่อเยี่ยมชม Samjiyon Monument แน่นอนว่า เป็น อนุสาวรีย์ ของท่าน ประธานาธิบดี คิมอิลซุง พร้อมทหารหาญ ผู้ร่วมต่อสู่ขับไล่ ญี่ปุ่น ในปี 1949
อนุสาวรีย์ หน้าตา เหมือนเดิม เป็นรูปท่านผู้นำยกไม้ยกมือ ทหารยืนเรียงราย ชาวเกาหลีเหนือ เดินทางมาเป็นคันรถด้วย เครื่องแบบคล้ายทหารโบราณ เช่นเคย เรียงแถวยืนรอถ่ายภาพร่วมกับ รูปปั้น
ฝนเริ่มตกพรำ ความรู้สึกของเราตอนนั้น คือ .อยากกลับบ้านแล้ว… อยากอ้วกออกมา เป็นอนุสาวรีย์ …
หลังกินข้าวกล่อง กันที่สนามรบในอดีต Pochonbo เพื่อรำลึกถึงการขับไล่ทหารญี่ปุ่น
เราบินกลับด้วยเครื่องบินสยองขวัญลำเดิม
ถึงเมือง พยองยาง.. เราได้โอกาส นั่งรถราง หลังยืนชะเง้อมอง มานาน ได้นั่งกับเขาเสียที แต่การนั่ง เขาให้เรานั่งขบวนเฉพาะ ที่มีเพียงเรา ไม่ให้นั่งรวมกับใคร รถรางสภาพข้างใน ค่อนข้างเก่า เป็นรถรางซื้อมือสองมาจากรัสเซีย.
หลังลงจากรถราง ก็ได้ไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ซักที รถไฟใต้ดิน ขบวนไม่ยาว ชาวเกาหลีเหนือ รอขึ้นรถอัดแน่นเต็มขบวน มันก็รถไฟใต้ดินธรรมดานั่นแหละ เพียงแต่มันเก่า และข้างในมีสถานีหนึ่ง ที่ตกแต่งซะสวยงาม มีโคมไฟ มีภาพศิลปกรรมฝาผนัง
คนเกาหลีเหนือก็ใช้งานกันปรกติ ใบหน้าเรียบเฉย และตามปรกติของคนเมือง ที่ทำหน้ารำคาญ นักท่องเที่ยวอย่างพวกเรา
คนที่เม้ามอยว่า เขาทำรถไฟมาให้นักท่องเที่ยวนั่ง นั่นก็เกินไป .. มันก็รถไฟใต้ดินธรรมดา ไม่มีความพิเศษอะไรตรงไหน ..แค่สถานีมันไม่ยาวมาก และ คนเกาหลี เหนือใช้รถไฟกันปรกติคนเยอะมาก

ภาพนี้อยู่บนผนัง ข้างรางรถไฟใต้ดิน
ในภาพที่เราถ่ายมา มักมีคนถาม ว่าไม่เห็นมีคน มันเหมือนเมืองร้าง …คุณพี่คะ ..จงอ่านให้ละเอียด ถึงกฎว่าเขาห้าม ถ่ายคน มา ถ้าคนนั้นไม่เต็มใจ
เราไปที่ไหน เราก็แม่งถ่ายเมืองร้างมาเกือบทุกประเทศนั่นแหละ เพราะ เราพยายามเลี่ยงถ่าย ไม่ให้ติดคน
คือแม่งจะถ่ายตึกถ่ายอะไร จะถ่ายหัวคนเยอะๆมาทำซากอะไร แล้วมันจะเห็นตึกรึ..
เวลาเดินทาง เราจะ ยืนรอนานมากจนคนไม่มีแล้วค่อยถ่าย เพราะเราจะถ่ายตึก ไม่เอาคน
และเราไม่ชอบ ถ่ายภาพแคนดิท.. เพราะรู้สึกว่ามันเสียมารยาท ตัวเราไม่ชอบถูกแอบถ่าย แคนดิทเหมือนกัน ถ้าเจอใครแอบถ่าย แบบไม่ขอ ก็มีด่า..
ยังมีสถานที่ ที่ได้ไปช่วงหลัง แต่เรา ไม่ได้พูดถึงอีกหลายสถานที่ เพราะ บางครั้ง เราเริ่มเบื่อ และเซ็ง กับการไปกับทัวร์แบบกักขัง บางครั้ง ไปก็ไม่ถ่ายรูป แล้ว มีความรู้สึกอยากกลับบ้าน อยู่เป็นระยะ ช่วงท้ายทริป
ที่เกาหลีเหนือ สิ่งเดียวที่ ห้ามเด็ดขาดคือ สื่อมวลชน .. เพราะฉนั้น รัฐบาล จึงเป็นเจ้าของ สื่อ โทรทัศน์ ทุกชนิด เพื่อความควบคุม ง่าย ล้างสมองง่าย

ข้างหลังเป็นโรงเตี๊ยมจำลองสำหรับถ่ายละคร
เราได้เข้าไป เยี่ยมชมโรงถ่ายละคร ด้วยนะ เจ้าของ ก็ ท่านผู้นำนั่นแหละ ข้างใน มีฉากหนังฉากละคร สร้างขึ้นมาเป็นหมู่บ้าน บางที่ยังกะหมู่บ้านจีน
ตอนเข้าไป เขาถ่ายละครกันอยู่ด้วย เราได้เข้าไป ชมถึงข้างในตอนเขากำลังแต่งหน้า ตอนเขากำลังถ่าย
ละครน่ะเหรอ เป็นเรื่องราว เกี่ยวกับ .. วิถีชีวิต การเมือง เห็น กำลังจำลองการประชุมหมู่บ้านอะไรกัน โรงถ่ายตอนนั้น ไม่มีแอร์ และอากาศโคตรร้อน .. แต่คนในฉาก ต้องใส่ชุดหนา แบบว่า ฤดูหนาว เสื้อผ้าหนาปิดคอ .. หน้างี้แดงเถือกเหงื่อแตก แต่ด้วยสปิริต ทุกคนก็แสดงกันอย่างเต็มที่
พระเอกหน้าตางั้นๆ แหละ หล่อแบบเกาหลีเหนือ นางเอก เราไม่เห็น เพราะ ไม่ถึงเวลาเข้าฉาก
เขาพาพวกเราไป ดูโรงตัดต่อละครด้วย ละครตัวอย่างที่เอามาให้ ดู ดารา โคตรโอเวอร์แอคติ้งเลย พยายามจะแสดงให้ ดูตลกโปกฮา แต่ดูยังไง ก็แปลกๆ ละครเหมือนละครจีนโบราณ สมัย สี่สิบปีที่แล้ว

Enter a caption
มีอีกอย่างที่ เราถูกห้ามถ่ายรูป เด็ดขาด แต่ได้ไปเห็นมา คือ ไซค์งานก่อสร้าง..
บังเอิญรถเราไปกลับรถตรงไซค์งาน ก่อสร้างเล็กๆ พอดี เลย มีโอกาสได้เห็น เป็นการก่อสร้างตึกแถวเล็กๆ และแรงงาน คาดว่าจะเป็นพวกนักโทษ
ตึกแถวสูงแค่ราว สามชั้น แต่ใช้แรงงานคนเยอะมากเป็นร้อย และที่สำคัญ ใช้แรงงานคนล้วนๆ ไม่มีเครื่องทุ่นแรง คนงาน ไม่ใส่เสื้อ ใส่กางเกงขายาวสี่ตุ่นๆ ช่วยกันยก แบกหามผนังขนาดใหญ่ ขึ้นประกอบ ..
บทสรุป สำหรับ 10 วัน ในเกาหลีเหนือ เราได้อะไร .. เราได้ เปิดโลกทัศน์ ในที่ ที่คนหลายคน เข้าไปไม่ถึง
เราได้รู้ทุกอย่างไหม ไม่นะ เป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะได้รู้ทุกอย่าง เป็นไปไม่ได้เลย ที่เราจะได้รู้ความจริงทุกอย่าง
ถามว่า คนเกาหลีเหนือ แร้นเค้นไหม เราว่าเราเห็นได้ไม่หมด แต่สิ่งที่เราเห็น และรู้มาคือ คนเกาหลีเหนือ ขี้เกียจสันหลังยาวไม่ได้ เป็นขอทานไม่ได้ ทุกคนต้องทำงาน และเมื่อทำงาน จะได้รับเงินจากรัฐบาล ลดหลั่นกันไป ตามชนิดของงาน
หรือ ถ้าใครเก่ง สามารถทำงานเองได้ ก็ได้ แต่ต้องแบ่งเงินครึ่งหนึ่ง ให้กับรัฐบาล
คนเกาหลีเหนือ รวยได้ แค่คนบางกลุ่ม ต้องเป็นพวกคนกลุ่มพิเศษ พวกฉลาดมากมีความสามารถมาก และมีเส้นสาย ส่วนผู้หญิงต้องทั้งมีเส้นสาย และเป็นคนสวย
คนเกาหลีเหนือ ไม่มีอิสระในการพูดอ่านเขียน .. ขาดสิ่งบันเทิง ทุกอย่าง เว้นสิ่งที่ ท่านผู้นำอนุญาต
ความแร้นแค้น ลำบากและโหดร้ายน่าจะเคยเกิดขึ้นในสมัยหลังสงครามและสมัยที่ เกิดการถือหางถือฝั่ง
ลักษณะ ก็แบบ ใครตามข้าอยู่ ใครขวางข้าตาย.. ถ้ายอมรับในตัวท่านผู้นำ และเป็นคนไม่ทะเยอทะยาน คนเกาหลีเหนือ ก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ อย่างคนที่มี ปัจจัย 4
ในปัจจุบัน ผู้นำ พยายามให้คนเกาหลีเหนือ อยู่ดีกินดี พยายามล้างสมอง ให้คนเกาหลีเหนือรักในผู้นำ ว่าเป็นคนทำงานหนัก แทบไม่เคยพักผ่อน
ผู้นำถึงขนาดออกมาปราศัย ว่า ผมไม่ใช่พระเจ้า .. ประชาชนต่างหาก ที่เป็นพระเจ้าของผม..
มีการทำเพลงออกมา เนื้อหา ประมาณ ว่า อยากให้ท่านผู้นำ หลับบ้าง อยากให้ท่านผู้นำพักบ้าง เพราะท่านทำงาน 24 ชม. ไม่เคยหลับเลย ..
ตามเพลงนั้น จริงไม่จริงไม่รู้แหละ เรารู้แค่ เราไม่เห็นคนเป็นโรค อ้วน ในเกาหลีเหนือเลย ยกเว้นคนเดียว คือคนที่อยู่ในจอทีวี ท่านผู้นำนั่นแหละ..
ทริป 10 วันนี้ ความรู้สึก เรามีผสมปนเป ทั้ง ตื่นเต้นในวันแรก สนุก ในวันถัดไป และ มีความหวัง ในวันต่อๆ จนถึงสุดท้ายคือ ความทรมาน อยากกลับบ้านชิบหาย.
คนที่จะไปเที่ยวเกาหลีเหนือ เนี่ย เราไม่แนะนำ จ่ายถูกๆ ราคาสี่ห้าหมื่นเนี่ย แค่ไป เดินในเมืองพยองยาง ไม่เห็นอะไรเลย ก็แค่เมืองหลวง ไปจุดที่เขาจัดฉาก เท่านั้นแหละ เสียดายตัง
แต่ถ้า จะมาเห็นหลายอย่างจริงๆ ต้องจ่ายหลักแสน เอาให้เจ๋ง ต้องไปปั่นจักรยาน 10 วัน เอามันให้สุดทาง ถึงจะได้เห็นความจริง แต่ก็ไม่ใช่ 100% หรอก เพราะยังมีความจำกัด ขนาดใครมาเที่ยวเมืองไทย เดือนนึงสองเดือน ยังไม่เห็นความจริงทั้งหมดเลย..
ในมุมมองนักเดินทางอย่างเรา ผู้ไม่ดัดจริต อยากเปลี่ยนโลก ผู้เดินทางเที่ยวบ่นก่นด่า แวะเยี่ยมนั่นมองดูนี่ เกาหลีเหนือ เนี่ย วันไหนเปิดประเทศ ก็หมดความน่าสนใจแล้วแหละ เพราะประเทศนี้มีความดี ที่มันลึกลับ มันไปยาก มีเท่านี้จริงๆ
เพราะทัศนียภาพความงาม ป่าเขา เราว่าที่จีนสวยกว่า .. อาหาร รึก็โคตรแย่ เรื่องแดจังกึมเนี่ยใครแต่ง โกหกสิ้นดี
เอาไว้ตอนหน้าเราจะรวบรวมภาพอาหาร พร้อมตัดต่อคลิปเกาหลีเหนือ ลง แชนเนลยูทูป โปรดติดตามได้ จาก ลิ้งข้างล่าง
youtube Channel เพื่อนนักสะพายเป้
ตามไป Subscribe กันได้นะคะ..
ขอบคุณครับ ได้เห็นอะไรเยอะแยะเลย
ถูกใจถูกใจ