ทริป เกาหลีเหนือ ส่งกลับหรือจับขัง..10 days Liberation day tour ตอนที่ 4 ค่าใช้จ่ายในทริป และ ทำไมต้อง DPRK
ความเดิมตอนที่แล้ว
ทริป เกาหลีเหนือ ส่งกลับหรือจับขัง..10 days Liberation day tour ตอนที่ 3 Lie or Liar
มีหลายคำถามที่หลายคนถามกันมา แต่คำถามหนึ่งที่ถามกันมาเยอะมากที่สุด คือราคา ทริปเกาหลีเหนือ
ทริปเกาหลีเหนือ มีหลายราคามาก ตั้งแต่ราคา one day trip หมื่นกว่าบาท ไปจนถึงราคา ทริปยาวราคาเป็นแสน..
นกเลือก ทริป 10 วัน 9 คืน ชื่อ ทริป Liberation day long tour ..
ราคาสองพันกว่ายูโร .. รวมเงินค่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และค่าโอนเงิน ไปต่างประเทศ ก็ โดนไป แสนนิดๆ .. แสนกับเกือบ หนึ่งหมื่นบาท หย่อนๆ ..
มีค่า ออปชั่นเพิ่มเติม.. คือ … ค่าประกันชีวิต ค่าขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินวนชม เมือง พยองยาง ค่าเข้าชมกายกรรมเปียงยาง รวมแล้วราวหนึ่งหมื่นบาทนิดๆ
ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ปักกิ่ง -พยองยาง ราว สี่พันบาท
ค่าทิปไกค์ 5000 บาท
ค่าตั๋วเครื่องบิน ไปกลับ ปักกิ่ง- กรุงเทพ นกซื้อได้ค่อนข้างแพง คือ สองหมื่นสามพันบาท
ค่าซื้อของฝากให้ไกค์ ตามประเพณี 3000 บาท
ค่ากินปลีกย่อย และค่าของฝาก ซึ่ง ไปแล้วคงต้องซื้อกลับมา นกหมดไป ราว หนึ่งหมื่นบาท
ซีดี อีก ราว 3000 บาท
ค่านอนห้องเดี่ยว อีก ราว 3000บาท
ค่าแทกซี่ไป ที่ ออฟฟิศ บริษัท ไปกลับ สี่ครั้ง ราว 2000 บาท
นกหมดไปประมาณ 164000 บาท คำนวณเผื่อๆ เอาไว้ นะคะ ไม่ได้คำนวณเป๊ะๆ สรุปราคาคือ ราว 140000-160000บาท แล้วแต่ใครจะสามารถ และ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในตอนนั้นด้วย
หลายคนคงตกใจ กับราคาทัวร์ ว่าราคาอะไรกันขนาดนี้.. ระบบทัวร์ของเกาหลีเหนือคือ ทางบริษัททัวร์ ที่เราติดต่อไป จะต้องไป จ้างบริษัท เอกชนของเกาหลีเหนืออีกต่อ .. ซึ่งระบบเอกชนของเกาหลีเหนือ นั้น เคยกล่าวถึงมาแล้ว ในตอนที่ 2 ว่า ทำงานเท่าไหร่ รายได้ ทั้งหมด แบบไม่หักค่าใช้จ่าย ต้องให้รัฐ ครึ่งหนึ่ง.. นั่นหมายความว่า ค่าทริป 1 แสนบาท ทางบริษัทจะได้รับแค่ 5 หมื่นบาทซึ่งต้องนำมาหักค่าใช้จ่ายอีกต่อหนึ่ง และแบ่งช่วงกันอีกสองต่อ ..
ค่าใช้จ่ายจริงๆ ถ้าคุณจะสามารถทำให้ถูกลงได้คือ ค่าตั๋วไป ปักกิ่ง และ ค่าซื้อของฝาก แต่เอาเข้าจริงๆ ยังไง ก็ซื้อค่ะ เพราะความคิดที่ว่า ยังไง ก็คงจะเป็นแค่ครั้งเดียวในชีวิต ที่จะได้มาสัมผัสที่นี่ สุดท้าย ก็อดไม่ได้ที่จะซื้อ ของฝาก เป็นพวกของที่ระลึก สแตมป์ โปสการ์ด หนังสือ ชุดฮันบก หมวก น้ำผึ้ง ครีม โสม
บริษัททัวร์ ที่นกเลือก ชื่อ บริษัท Koryo tour เป็นบริษัทฝรั่ง ที่หุ้นกับคนจีน มีสาขาอยู่ที่ปักกิ่ง ตันตง นิวยอร์ก และลอนดอน
วีซ่าเกาหลีเหนือ ทำไม่ยาก ใช้แค่รูปถ่ายใบเดียว กับสำเนาพาสปอร์ต ซึ่งคนที่จะทำให้เราได้ คือบริษัททัวร์ ที่เราเดินทางไปด้วยเท่านั้น .. แต่คนที่เขาห้ามเข้าประเทศเด็ดขาดคือ คนเกาหลีใต้.
ส่วนคนมาเลเซีย กับ โบลีเวีย ไม่ต้องทำวีซ่า แต่การเดินทาง เข้าไป เที่ยวต้องผ่านบริษัททัวร์ เท่านั้น อยู่ดี
คนอเมริกา ทางเกาหลีเหนือ อนุญาต ให้เดินทางเข้าไปเที่ยวในประเทศได้ แต่ขากลับ ห้ามบินกลับ ต้องนั่งรถไฟกลับ เท่านั้น .. นี่คือยังสงสัยเหตุผลอยู่ ว่า เพราะอะไร .. เพราะขาไปให้บินได้ แต่ขากลับ ห้ามบินกลับ..
ขั้นตอนการเดินทาง ต้องเดินทางผ่านจีน สิ่งที่ต้อง ทำคือ ทำ Double entry visa เข้าจีน .. โดยใช้เอกสาร จากบริษัททัวร์ ที่ออกให้ไป ยื่นขอวีซ่า ขั้นตอน ก็เหมือนการทำวีซ่าจีนธรรมดา แต่ต้องไป ขอ Double entry หรือ ถ้า อยู่ในจีน ไม่ถึง 72 ชม. ขอ เป็น ทรานสิทวีซ่าจีนได้ ..
วีซ่าเกาหลีเหนือ จะ ไม่สัมผัสกับหน้าพาสปอร์ต เราเพราะ วีซ่าจะมาเป็นเล่ม สีฟ้า และ เราทำได้แค่ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ เพราะตอนสุดท้าย ก่อนเดินทางออกจากประเทศ ทางตม. จะยึดเก็บกลับคืน ..
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่เกาหลีเหนือ นักท่องเที่ยวจะถูกยึด พาสปอร์ต กับ วีซ่า ต้องเก็บเอาไว้ ที่ไกด์ เท่านั้น ..คล้าย เป็นการจองจำ ไปในตัว.
ทำไม ถึงเป็น DPRK ไม่ใช่ North Korea .. DPRK ย่อมาจาก Democratic People Republic of Korea
เขาบอกว่า เขา คือ Korea เขาไม่ใช่ North Korea ในสมัยก่อน เขาเคยเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน กับทางตอนใต้ จนกระทั่ง เกิดสงคราม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่น ได้มายึดครอง เกาหลีตอนเหนือ ส่วนอเมริกา ซึ่งรบกับญี่ปุ่น ได้ เข้ามา ยัง เกาหลีตอนใต้ และสร้างกำแพงคอนกรีต กั้น แยกเกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้ ออกจากกัน โดยสิ้นเชิง ..
ภายหลังญี่ปุ่น พ่ายแพ้สงคราม และ นายพล คิมอึนซุง ได้ เป็นแม่ทัพ นำกองทหาร เข้าต่อสู้กับญี่ปุ่น โดยได้รับกำลังสนับสนุน จาก รัสเซีย และได้ขับไล่ญี่ปุ่นออกไปจากประเทศ ทางเกาหลีเหนือ จึงถูกแบ่งออกจากเกาหลีใต้ ตัดขาดกันอย่างชัดเจน และ ยังเกิดการรบ ที่ คนเกาหลีเหนือเน้นย้ำว่า เขาถูกรุมรังแก โดยประเทศ ถึง 16 ประเทศ ในสงครามครั้งนั้น และ จากสถานการณ์ นี้ จึงสร้างวีรบุรุษของชาวเกาหลีเหนือ คือนายพลคิมอึนซุง ซึ่งต่อมา ได้กลายเป็น ประธานาธิบดี ผู้ยึดครองเกาหลีเหนือ ติดต่อกันมาสามรุ่น จนถึงปัจจุบัน ..
ชาวเกาหลีเหนือ จะถูกฝังหัวเรื่อง สงครามนี้ ตั้งแต่เด็ก จนถึงผู้ใหญ่ ทั้งในโรงเรียน และทุกที่ที่เดินผ่าน จะมีพิพิธภัณฑ์สงคราม มีอนุสาวรีย์วีรบุรุษ สงคราม .. เรียกว่า คนทุกคนที่นั่น ต้องหายใจเข้าออก เป็นคำว่า สงคราม สงคราม เหมือน ว่าเรื่องราวในอดีต ที่ผ่านมา ร่วม 70 กว่า ปี เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน .
ชาวเกาหลีเหนือ เชื่อว่า พวกเขา คือ เกาหลี We are one nation, two governments ,two states..
ซึ่งมีเพียง 1 เชื้อชาติ แต่ แบ่งออกเป็นสองรัฐ คือรัฐฝั่งเหนือ หรือ DPRK กับรัฐฝั่งใต้ และมีการปกครอง แบบสองรัฐบาล เขาไม่ใช่สองประเทศ แต่เขาคือประเทศเดียวกัน. ฟังมาถึงจุดนี้ เรารู้สึกเสียวสันหลัง แทน เกาหลีใต้ ความรู้สึก ส่วนตัว ที่เรารู้สึกคือ .. เกาหลีเหนือ พยายาม พรีเซนต์ ออกมาว่า เขาถูกรังแก เขาจึงต้องมีอาวุธร้ายแรง เอาไว้ป้องกันตัว ส่วนตัวแล้ว เขารักความสงบ รักสันติ (จาก พิพิธภัณฑ์ และเหรียญสันติภาพที่เขาได้รับมาจาก หลายประเทศ เขาเอามาพรีเซนต์ ให้เรา ดู เรียกว่า แทบจะอ้วกออกมาเป็นเหรียญ)
เขาพยายามสื่อว่า เขาไม่ได้มีพิษภัยอะไรต่อชาวโลก ถ้าไม่มีใครกดดันทำร้าย จนเขาจนตรอก ..
แต่ในความคิดเห็นส่วนตัว ของเรา เราว่าเขา ดูมีอันตราย กับเกาหลีใต้ โดยตรง… จากคำพูดของหลายๆคน ที่นั่น และจากเรื่องเล่า จากไกค์ท้องถิ่นที่ไปพบเห็นมา เราสัมผัสได้ว่า เขายังอาลัยอาวรณ์ และมีความต้องการ อยากกลับไป รวมกับเกาหลีใต้ เชื้อชาติเดียวกันกับเขา ถ้าเราเป็นเกาหลีใต้ เราคงขนลุกเกรียว เพราะเขาคงไม่เข้าไปรวม แล้วขอผนวกวัฒนธรรมใหม่เข้า กับวัฒนธรรมเก่าแน่ๆ มันน่าจะ เป็นการเจาะเวลาย้อนหาอดีตมากกว่า
สิ่งที่เขาใช้ ในการควบคุมคนในชาติ ให้ อยู่ในโอวาท คือ การฝังหัวเรื่องสงคราม เรื่องการปิดกั้นข่าวสารจากภายนอก ทางเกาหลีเหนือ คนที่ควมคุมสื่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นข่าว หรือ ละครสิ่งบันเทิง คือรัฐบาลทั้งหมด แม้แต่โรงถ่ายหนัง ก็ยังเป็นของรัฐบาล และการฝังหัวเรื่อง วีรบุรุษ ผู้กู้ชาติ และ ขับไล่ ศัตรูร้ายญี่ปุ่น และประเทศ อีก 16 ประทศ ที่เข้ามาย่ำยีรุกราน ถ้าไม่ได้ ประธานาธิบดี คิมอึนซุง ก็คงไม่มี DPRK การปลูกฝังในความรักนี้ มีพื้นฐาน ทั้งความรัก ความภักดี และความกลัว
ทันที ที่มีใครเอ่ยถึง ท่านผู้นำ ในแง่ร้าย เพื่อนสนิท หรือแม้แต่คนในครอบครัว จะจับส่งทางการทันที..ทำให้ คนในประเทศ พากันหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึง
ในวันที่ท่านผู้นำ ออกมาพบประชาชน จะมีเสียงกรีดร้อง ดึงทิ้งตัวเอง วิ่งตามอย่างบ้าคลั่ง …
ในฐานะที่เรา มอง อย่างนักท่องเที่ยว การที่เรา เข้าไป ยังประเทศไหน เราจะยินยอมรับ กฎเกณฑ์ และวัฒนธรรมของที่นั่น เราตอบไม่ได้ว่าการ กรีดร้องอย่างคุ้มคลั่งนั้น เขาแกล้งทำหรือถูกบังคับให้ทำหรือไม่ และประชาชนที่นั่น แต่ละคน รัก คิมอึนซุงอย่างสุดหัวใจ หรือถูกบังคับให้รัก
เราเข้าไปในฐานะ และมุมมองของนักท่องเที่ยว ไม่ใช่นักสังคมสงเคราะห์ นักเปลี่ยนโลก ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์ .. ถ้ามีความคิดแบบนั้น เราไม่แนะนำให้เข้าไป เพราะ คนที่มีความรู้สึกต่อต้าน ระบอบการปกครองของเกาหลีเหนืออย่างแรงกล้า ที่เข้าไป ในประเทศ ในฐานะนักท่องเที่ยว ล้วนแต่ อยู่ในคุก ที่ต้องทำงานหนัก อยู่ ใน ณ ตอนนี้ หลายคน ..ซึ่งเราจะเล่าถึง คนที่เข้าไป แล้วไมได้กลับออกมา ว่า เขาทำอะไร…ในตอนต่อไป