คัมภีร์แบกเป้จีนด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องง้อทัวร์ เสิ่นหยางทริป ตอน เมืองชื่อแปลก “กวนเตียน”กับบรรยากาศเมืองจีน ที่หน้าตายังกะยุโรป
ความเดิม ของสองตอนที่แล้ว คลิกตามลิ้งได้เลยค่ะ .
วันที่ 3 เราตัดสินใจว่าจะเล่นใหญ่ เราจะนั่งรถไปเที่ยวที่ไกล ๆ ถึงเมืองกวนเตียน
ที่เมืองนั้นมีอะไร .. มีสถานที่แห่งนึงชื่อ เถียนไช้โกว TianQiaoGou เป็นสถานที่พักตากอากาศ เล่นสกี ชมภูเขาแดง ของไฮโซ จีน เป็นที่ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก และเดินทางไปลำบากถ้าไม่มีรถส่วนตัว เราตัดสินใจที่จะไปกัน ใน ณ จุดนั้น
วิธีเดินทาง จากเมืองตังตง Dandong ต้องไป ที่ สถานีรถบัสที่เดิม คราวนี้เรานั่งแทกซี่ไป ค่าแทกซี่ 10หยวน
ซื้อตั๋ว ให้บอกคนขายว่าจะไป เมือง กวนเตียน .. Kuandian ภาษาจีนตามภาพ.
พอถึง กวนเตียน ให้ ลงไป ซื้อตั๋วรถต่อไป TianQiaoGou
กว่าจะถึงกวนเตียนใช้เวลาเดินทาง ราว 2ชม. จาก กวนเตียนไป เถียนไช้โกว อีก 2 ชม. ไกลสาหัส

สถานีรถประจำทาง เมืองกวนเตียน

รถเข็นขายของกิน ใกล้สถานีรถเมืองกวนเตียน

ข้าวโพดปิ้ง ตอนนั้นตั้งใจว่าจะลองชิม แต่ต้องรีบไปขึ้นรถซะก่อน

รถเข็นสไตล์จีนๆ

กว่าจะขอลุงแกถ่ายได้ แกเขิน ปัดมือแล้วปัดมืออีก

คนที่เมืองนั้นยังหาบของขายแบบโบราณ

ที่นี่ที่ไหน ไม่มีป้ายรถเมล์ ไม่มีอะไรทั้งนั้น
กว่าจะรู้ตัวเราก็ ถูกพามาปล่อยยังชนบทอันไกลโพ้น
บริเวณที่เราลงไม่ใช่ป้ายรถเมล์แต่อย่างใด หากแต่เป็นทุ่งผัก ที่อยู่ตีนเขา
เราต้องเดินขึ้นเขาไปอีก ราว 4 กม. ก็จะถึง เถียนไช้โกว สถานที่ท่องเที่ยวสุดสวย กลางธรรมชาติ แม่น้ำ และภูเขามาบรรจบกันที่นี่
เราไปถึงที่ นั่นราว11 โมงเช้า รถเที่ยวสุดท้าย ที่คนขับบอกว่าจะผ่านมาจากจุดที่ปล่อยเราทิ้งเอาไว้ คือ บ่ายสามโมง ครึ่ง ซึ่งเราต้องเดินกลับมายังจุดที่รถจอดอยู่ให้ทัน
เถียนไช้โกวที่เราเห็น คือ แม่น้ำสีสวย ตัดกับภูเขา เมเปิ้ลกับต้นสน เป็นภูเขาขนาดย่อม มีน้ำตกไหลพาดผ่านกลางมีทางเดินให้ปีนขึ้นไปจนถึงยอดเขา ภูเขานี้ฤดูหนาวจะปกคลุมด้วยหิมะ ให้คนจีนที่มีอันจะกินพากันมาเล่นสกีหิมะ ฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาจะเปลี่ยน เป็นสีส้มสีแดง สวยงามไปทั้งทิวเขา.
ข้างแม่น้ำมีหมู่บ้านเหมือนหมู่บ้านจัดสรรคนรวย มาสร้างอยู่
กลางแม่น้ำ ทางเข้าอุทยานมีโรงแรมหรู กับร้านอาหาร เปิดอยู่ ตอนเดินเข้าไป เราหิวมาก ร้านอาหารยามนั้น เป็นช่วง โลวซี่ซั่น เพราะเป็นหน้าฝน มีแขก คือโต๊ะเรา หนึ่งโต๊ะ กับโต๊ะข้างๆ ราว 7 คน
เราสั่งอาหารไปแค่หนึ่งอย่าง ก้มมองที่พื้นร้านไม่สะอาด เต็มไปด้วยขี้นก เกลื่อนไปหมด โต๊ะที่เรานั่ง พนักงานเพิ่งเช็ดทำความสะอาดต่อหน้า ..ตอนนั้นคือ คิดว่าโรงแรมหรูมาก อาหารก็ราคาแพง แต่ด้วยความที่ ตรงนั้นมีแค่ร้านเดียว มันจึงเป็นเพียงทางเลือกแค่ทางเดียว
ช่วงแรก ก็ดื่มด่ำกับธรรมชาติ เอาขนมที่พกไว้ออกมากิน เวลาผ่านพ้นไป พนักงานยกอาหารออกมา จานแล้วจานเล่า แต่หาใช่ของเราไม่
จนจานที่ 6 ที่พนักงานยกออกมา โต๊ะ ข้างๆ กินกันจริงจังมากไม่รู้ว่าสั่งกี่อย่าง เวลาผ่านไป ราว 30 นาที ฉันกวักมือเรียกพนักงาน แล้วชี้ที่นาฬิกา
พนักงานมองฉัน แล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ เฉยเมย ไม่สนใจ
มองทะลุออกไปด้านนอก เห็น ผู้ชายใส่ชุดพ่อครัว เดินสูบบุหรี่สบายใจเฉิบ ..
40 นาทีผ่านไป ฉันเอาขนมที่พกมาด้วยกินไป จนหมด. ตัดสินใจ ทิ้งเงินค่าน้ำเปล่า ไว้บนโต๊ะ 10 หยวน เดินออกไปจากร้าน พนักงานวิ่งตามมา บอกว่าให้กลับไป อาหารจะเสร็จแน่นอน
นกได้แต่ส่ายหัว เวลาเรามีน้อยมาก ต้องมาเสียเวลากับการรออาหารที่ไม่มีวันสิ้นสุด ..
แขกในร้านไม่ได้มีหลายโต๊ะ แล้วก็ไม่ได้มีท่าทีจะสนใจเราซักเท่าไหร่
ตอนที่เดินหนีออกมา พนักงานพากันโวยวาย รู้สึกผิดว่า เขาต้อง โดยหักเงินชดใช้รึเปล่าสำหรับอาหารถ้าเขาทำออกมาแล้ว แต่ถ้าทำออกมาแล้ว มันอยู่ที่ไหน ตอนนั้นคิดว่าถ้าเขาเดินถือออกมาจะให้เอาใส่ถุงกลับ แต่นี่ก็ไม่ได้ถือออกมา เป็ด ทอดนั่นท่าจะกำลังหั่นอยู่ เผลอๆ ยังไม่ได้ทอดเลยด้วยซ้ำ.
เหลือเวลาแค่นิดเดียว นกกึ่งวิ่งกึ่งเดินชมบริเวณภายใน .. น่าเสียดายถ้ามีเวลาพอ จะได้เดินขึ้นไปให้ถึงยอด ซึ่งคงต้องใช้เวลาทั้งวัน คงต้องนอนค้างที่นี่ ใช้เวลาสองวันหนึ่งคืนถ้าจะพิชิตยอดเขา และถ้าจะให้ดีคงต้องมาเดือน กย – พย. จะได้เดินขึ้นยอดเขาที่เต็มไปด้วยเมเปิ้ลสีแดง ซึ่งคงจะสวยมาก .
ขากลับ เราวิ่งกลับลงมา ใช้เวลาแค่ 20นาที ลงมาถึงจุดรถจอด.. ตอน บ่ายสองโมงครึ่ง .. ด้วยความที่รู้สึก กลัวเลยไล่ถามคนนั้นคนนี้ ว่ามีรถแน่ๆ ใช่ไหม คนที่นั่นพยายามช่วยเหลือเราสุดชีวิต รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง สุดท้ายตัดสินใจเดินไป นั่งรอรถ ตรงถนนเส้นที่รถทิ้งเราเอาไว้ หน้าร้านขายของชำ
คิดว่า ถ้าไม่มีรถกลับ คงต้องหาโรงแรมแถวนั้นนอน ตรงนั้นมีโรงแรม2-3 โรงแรมน่าจะพอนอนได้
ถนนตรงนั้น เป็นถนนเหมือนถนน ชนบท ไม่น่าเชื่อว่าจะมีรถประจำทางผ่าน สภาพเหมือนนานๆ จะมีรถผ่านมาซักคัน
3 โมง มีรถเก๋งขับผ่านมา เป็นเหมือนรถรับจ้างก่อสร้างอะไรซักอย่าง
3 โมง 15 มีรถเก๋งขับผ่านมา คนขับเป็นชายจีนวัยรุ่น 2 คน จอดชวนให้เราไปด้วย แต่เราปฏิเสธ
3 โมงครึ่งมีรถเมล์ขับผ่านมา แต่เป็นทางตรงกันข้ามกับที่เราจะไป เราโบกรถถาม ว่า รถคันที่จะเข้าเมือง กวนเตียน มีไหม คนในรถทำท่าพร้อมทำมือ ตอบกลับมาว่า .ให้รอ ที่นี่เดี๋ยวจะมีรถกลับมา
3 โมงครึ่ง เงียบกริบ..
3โมง 40 รถเมล์ ปุเลงๆ ผ่านมา เรารีบโบก … กวนเตียน ? คนในรถพยักหน้า เราสองคนดีใจมาก รีบพุ่งขึ้นรถ ผู้โดยสารในรถพากันอมยิ้ม ลุงในรถถามเราว่า .มาจากไหน .. ไท้กั่ว..เมืองไทยดังมาก เพราะคนที่นั่นจะยิ้มเสมอเวลาเราตอบว่าเราเป็นคนไทย
ค่ารถขากลับไป กวนเตียน จ่ายในรถ ราคา 30 หยวน
ตอนนั่งในรถ ยังเหลือสิ่งที่ต้องลุ้นคือ รถเมล์ กลับเข้าตันตง
เพราะต้องใช้เวลาเดินทางจากเถียนไช้โกวไป กวนเตียน ถึง2 ชม. น่ากลัวจะไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายกลับ ตันตง
ตอนนั้น ตัดใจว่า จะจ้างรถ กลับตันตง ถ้าไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย
ตอนที่รถมาส่งที่สถานีรถ ผู้ชายคนนึงพุ่งตัวเข้ามาหา เราพุ่งตัวหนีทันที ตามสัญชาตญาน
ผู้ชายคนนั้นทำมือห้ามเราเข้าไปในสถานีรถบัส บอกว่ารถหมดแล้ว ไปตันตงให้ขึ้นรถเขา
เรารีบวิ่งเข้าไป ในสถานี ซื้อตั๋ว ทันเวลารถคันสุดท้ายออก อย่างเฉียดฉิว
ตอนนั่งรถได้แต่หัวเราะ รถตู้เถื่อนเนี่ย วิธีเรียกผู้โดยสาร น่ากลัวจริงๆ
จาก กวนเตียนกลับตันตง ใช้เวลา 2 ชม. โชคดีที่ ท้องฟ้าที่นี่มืดช้ามาก สองทุ่มยังสว่าง
ตอนใกล้ถึง กระเป๋ารถเมล์พยายามใช้กูเกิ้ล แปลภาษา สื่อสารกับเรา บอกว่ารถ นี้ไม่เข้า สถานีรถบัสนะ เพราะ เป็นรถเที่ยวสุดท้าย ตอนแรก ตกใจนึกว่ารถไม่ไปตันตง กว่าจะสื่อสารเข้าใจ ก็หืดขึ้นคอ
บอกเขาว่าจอดให้เราลงที่ไหนก็ได้ ที่ไป สถานีรถไฟง่ายๆ เอารูปปั้น ประธานเหมา หน้าสถานี ให้ดู
ตอนรถจอด ประทับใจมาก กระเป๋ารถเมล์ ซึ่งเป็นน้องผู้หญิง เดินลงมาส่ง พาต่อรถเมล์ แถมบอกคนขับรถเมล์ว่า ช่วยจอดให้เราสองคนลง จุดที่ใกล้ สถานีรถไฟด้วย
แต่ อิคนขับ ดันตะโกนใส่หน้าน้องเขาทำนองว่า “กูไม่ว่าง มีตาก็แหกดูเอาเอง” จนน้องเขาหน้าเสีย
เราทำได้แค่ขอบคุณน้องเขา .. กูมี GPS ว่อย กูไม่ง้อมึงหรอก อีคนขับ
ตอนนั่งรถเมล์ เราแวะลงก่อนถึงสถานีรถไฟ ที่กลางเมือง ตันตง จะมีห้างสรรพสินค้า ตรงซอยข้างๆ จะเป็นซอยปิ้งย่างสไตล์จีน แบบเป็นผักเป็นเนื้อ ต่างๆ ปิ้งแบบใส่หมาร่า
อันนี้นกไม่แนะนำนะ เพราะ ไม่รู้สึกว่าจะถูกปากคนไทย คนที่นี่ชอบกินเนื้อแพะ ซึ่งเนื้อแพะ ถ้าเครื่องไม่ถึง จะมีกลิ่นสาบในเนื้อ
ช่วงค่ำ พยายามกลับไปกิน ปิ้งย่างเกาหลีร้านเดิม แต่ อดเพราะ ร้านปิดสองทุ่ม เลยต้องกินร้านที่เปิดอยู่ ความอร่อยก็ยังสู้ร้านเดิมร้านแรกไม่ได้อยู่ดี มันคงจะเป็นแค่ครั้งเดียวรึ ที่ได้กินร้านนั้น…Y Y
ตอนต่อไป เราจะนั่งรถไปหัวจรวด ขึ้นเหนือ ไกลไปอีกร่วมพันกิโล ไปยังมณฑล จี๋หลิน . มณฑลที่ไปอีกนิดเดียวก็ จะถึงเมือง ฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง มณฑลสุดท้าย ก่อนจะทะลุ รัสเซีย.