ลุยเดี่ยว เที่ยวอิตาลี 15 วัน 11 เมือง ตอน2
ตอนเดินมารอเข้าแถว ผ่าน ทรานสิท เราเพิ่งรู้ว่า ที่นี่ มี ตม. ตรวจ ทรานสิท และ มีแค่ช่องเดียว คนเดียว กับคนทั้งเครื่อง คนที่ ต้องต่อเครื่อง ในเวลากระชั้นชิด เริ่มกระสับกระส่าย กว่าจะผ่าน ตม. ได้ นาน ร่วม ยี่สิบนาที หรือครึ่งชั่วโมง ก็ไม่รู้ รู้แค่ ถ้าเป็นฉัน ต้องต่อเครื่องแบบกระชั้นชิดแบบนั้น จะชูตั๋ว ขอความอนุเคราะห์ แซงคิวไปก่อน เพราะ ตกเครื่องขึ้นมา มีเครียด ..
สนามบิน เมืองมอสโคว ใหญ่โต และของกินเพียบ เกทขึ้นเครื่องเรา เป็นเกท D เกทสุดท้ายปลายสุด กว่าจะเดินไป ถึง ใช้เวลา ร่วมชั่วโมง เพราะแวะ ดูของกิน ไปตลอดทาง
สนามบิน นี้ มี WiFi ฟรี ให้ใช้ แต่ต้องนั่งให้ถูกจุด บางจุดสัญญานอ่อน แต่บางสุดสัญญานไวปรู๊ดปร๊าด เขาเขียนว่า จำกัดให้ใช้ได้แค่ คนละ30 นาที แต่ฉันเล่นไป ร่วม3 ชั่วโมง ก็ไม่เห็นตัดนะ ..
กว่าจะมาถึงตรงนี้ ฉันก็เสียเงิน ไปมากโข เริ่มจากสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ซื้อ ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ขนมจีนแกงไก่ แบบสำเร็จ ไป 140 บาท กินยำวุ้นเส้น กับน้ำเปล่า ไป200 บาท กินแฮมเบอร์เกอร์ เบอเกอร์คิง ที่สนามบินไป 300กว่า รูเบิ้ลรัสเซีย กินfrozen yokurt ใส่ผลไม้ ไป 200 กว่า รูเบิ้ลรัสเซีย ..ทำให้ฉันสงสัยว่า คนที่เขามาเที่ยว แบบประหยัดงบเนี่ย เขาทำได้ยังไง เขาไม่หิวเหรอ แล้วจะไม่ลองกินเหรอ ทำไมต้องเที่ยวแบบอดๆอยากๆ หรือเพราะเขาไม่ตะกละแบบฉัน หลายคนบอกว่า เขามาเที่ยว ไม่ได้มากิน แต่ฉันว่า การกินเป็นส่วนสำคัญ ว่าเราได้มาถึงแล้ว ยังไง ก็ต้องลอง หิวก็ควรต้องได้กิน .สำหรับฉัน นอนยังไงก็ได้ ขอให้ห้องสะอาด เตียงสะอาด แต่งตัวยังไงก็ได้ แต่ขอแค่ ได้กินดี ได้เข้าชมสถานที่สำคัญทุกที่ ไม่เมียงมองอยู่แค่ด้านนอก ได้มองด้วยตา ฟังด้วยหูตัวเอง ก็ สุขใจ แล้ว สำหรับการได้ไปไหน แต่ละที่
ถึงตอนนี้ เวลา ปาเข้าไป สามทุ่ม ของมอสโคว ฉันเดินขึ้นเครื่อง บินลำเล็ก เหมือนเครื่อง แอร์เอเชีย แต่เป็นของเจ้าเดิมAeroflot บนเครื่อง มีชาวอิตาลี นั่งอยู่สลอน แต่ละคน เสื้อผ้างี้เนี๊ยบ ยังกะหลุดออกมาจากหนังสือแฟชั่น ผ้าพันคอ ทรงผม เสื้อสูท ยังกะเจ้าพ่อ อัลคาโปน ฉันก้มลงมองเสื้อผ้า สไตล์ เกาหลี (รึเปล่า)ของตัวเอง ความรู้สึกแตกต่าง แปลกแยก และยากจน แผ่ซ่านเข้ามา .. นี่คือชุดที่ถือว่าดีที่สุดแล้วนะ ก็จากที่อ่านรีวิวมา ทั้งรีวิวไทย และเทศ ประสบการณ์ การมาเที่ยวอิตาลี ที่คนพูดถึงมากที่สุด คือ การถูกขู่กรรโชกทรัพย์ กรีดกระเป๋า ล้วงกระเป๋า ฉกกระเป๋า กระชากกระเป๋า ขโมยโทรศัพท์ ขโมยกล้อง ..ฉันเลยเตรียมเสื้อผ้า ชุดปอนๆมา เพื่ออำพรางความร่ำรวย ที่หลบซ่อน อยู่ภายในลึกๆ ลึกมากจริงๆ
แต่มาเป็นไร ด้วยความเป็นคนมั่นใจในตัวเอง ถึงแม้จะนุ่งกางเกงขาดเสื้อวิ่นคอย้วย ก็สวยได้ .
แม้จะบินแค่ราว 3 ชม.ครึ่ง ทางAeroflot ก็ยังเสิร์ฟอาหาร อีกหนึ่งมื้อ นั่นคือ ฟาสตูชีนี่ ที่เป็นเส้นเกลียวๆ ราดด้วยครีมซอส กับเนื้อไก่ สลัดหอยแมลงภู่ มะกอกดำ ราดด้วยน้ำมันมะกอกผลิตจากประเทศกรีซ กับขนมอีกสองสามชิ้น .
ด้วยความที่ฉัน เพิ่งกิน แฮมเบอเกอร์ ชิ้นยักษ์มา แต่ฉัน ก็ยังกิน อาหารบนเครื่องอีก รสชาติ ดี ถึงแม้ว่า จะออกเย็นชืด แต่ ก็กินได้ สรุปว่าอาหารสายการบินนี้ ถือว่าผ่าน แต่ฉันไม่ได้กินขนมที่เขาให้มา ไม่รู้ว่า รสชาติ ขนมปังแข็งๆนั่น จะเป็นยังไง
. อีก3 ชม. ครึ่ง ฉันจะเดินทางไปถึงมิลาน กลางดึก ราวเที่ยงคืน แรกสุด ฉันตั้งใจว่าจะประหยัด ด้วยการนอน มันที่สนามบิน เพราะตอนเช้า ต้องบินต่อ ไปเมือง Naples แต่ภายหลัง จากไป อ่านรีวิว ก็พบว่า ไม่ปลอดภัยต่อทรัพย์สิน ด้วยประการทั้งปวง เพราะบางครั้ง รปภ ก็เลือดจะไปลมจะมา อยู่ดีดี วันดีคืนร้าย มีไล่คน ออกไปจากสนามบินกลางดึก ซะงั้น แต่ถ้าโชคดีไม่ถูกไล่ ก็นอนเรียงรายกัน ยังกะสนามบินอินเดีย ก็ไม่ปาน จากการคำนวณ มูลค่าทรัพย์สิน กล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ โทรศัพท์ที่พกมา ไม่คุ้มเสี่ยง ฉันเลย จองห้องพัก ที่ II Giardino del Sogni ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินมาก โดยขอ บริการ รับส่งจากทางโรงแรม ค่าบริการ 6 ยูโร สำหรับมารับ และ ..6…ยูโร สำหรับมาส่ง อีกครั้งในตอนเช้ามืด เพราะฉันต้องบิน ไฟล์ทเช้า ตอน 9 โมงเช้า
ค่าโรงแรม 45 ยูโร และต้องเสียค่า ภาษีเมือง เพิ่มอีก 0.25 ยูโร ราคานี้ เป็นห้องเดี่ยว มีห้องน้ำในตัว
รับกระเป๋าสัมภาระ เสร็จ ตอน เที่ยงคืนครึ่ง ทางออก ของผู้โดยสาร มีคนมารอ รับ จำนวนหนึ่ง แต่ไม่มีชื่อฉัน .