แบกเป้ อเมริกาใต้ 66 วัน ที่เปลี่ยนชีวิตฉัน ไปตลอดกาล ภาค 3 เปรู ที่ไม่ได้มีแค่ มาชูพิกชู … Taxi Scam ถูกแทกซี่โจร กรรโชกทรัพย์ ที่เปรู
เครื่องบินไฟล์ทบ่าย ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มุ่งหน้าสู่ ลิมา เมืองหลวง ของเปรู ฉันจองรถบัส รอบดึกเอาไว้ ที่สถานี Plaza Norte ดึกมาก รอบห้าทุ่มครึ่ง ตั้งใจว่าจะนอนในรถ ไปถึงเมือง Huarus ตอนเช้าตรู่ ด้วยความที่ สถานี ขนส่ง อยู่ห่างจากสนามบิน เพียงแค่ 7 กิโลกว่า และสนามบิน ก็มีร้านอาหาร สุดอร่อย แถมมีอินเตอร์เนต ให้เล่น เป็นแบบเสียเงินเหมาจ่าย ฉันกับน้องสาว เลย นั่งกินข้าวกินขนม แล้วเล่นอินเตอร์เนต จนถึงสองทุ่ม ด้วยความชะล่าใจ
ซึ่งจริงๆ ไม่ควรเลยเพราะ Lima ถือ เมืองอันตรายเมืองนึง ของเปรู พอสองทุ่ม เราก็ยังเอื่อยๆเดินไปซื้อหมอนรองคอ แล้วถึงเดินลงไปโบกแทกซี่ ด้านหน้าสนามบิน
กฎของการเลือกแทกซี่ สำหรับการเดินทางทั่วโลก เหมือนกันหมดคือ
ห้ามขึ้นแทกซี่ ที่เข้ามาถามประชิดตัวเรา ต้องการให้เราไปด้วยมากห้ามขึ้นแทกซี่ผี ต้องใช้แทกซี่ที่ลงทะเบียนอย่างถูกกฎหมายกับรัฐบาลเท่านั้น ที่นี่เรียกว่า กรีนแทกซี่ควรใช้วิธีโทรตามจาก taxi radio จะปลอดภัยกว่าห้ามขึ้นแทกซี่ ที่จอดรอ ข้างทางเหมือนรอหาเหยื่อ ห้ามขึ้นแทกซี่ ที่มารุมเราเป็นกลุ่ม แล้วแกล้งเสนอตัดราคากัน ทั้งๆที่เป็นพวกเดียวกันควรใช้แทกซี่ ที่เพิ่งมาส่งผู้โดยสาร ผู้โดยสารเพิ่งลงไปให้เราเห็นอย่างชัดเจน
ด้วยความประมาท ความเหน็ดเหนื่อย และ มัวแต่เล่นอินเตอร์เนต จนลืมเวลา ฉันไม่ทำตามกฏนี้ ทั้งๆที่ทุกครั้ง ฉันยึดถือกฎนี้อย่างเคร่งครัด.
ตอนเดินออกไป หน้าสนามบิน มีแทกซี่ เข้ามรุมเรา กลุ่มใหญ่ เสนอราคา ระยะทางแค่ 7 กิโล เมตร คิดราคาแพง ถึง 50 โซเลส ฉันส่ายหัว ตอนกำลังคิดว่า จะทำยังไงดี ชายวัยกลางคน ผิวคล้ำ ตัวสูงใหญ่ รูปร่างอ้วน แขวนบัตรแทกซี่สนามบินเคลือบพลาสติกเก่าๆ เดินมาเสนอตัดราคากลุ่มแทกซี่ ที่กำลังเสนอราคาให้เรา ว่า ซินเควนโต้ (40 โซเลส )ทั้งๆที่จริงๆ 8กิโล ราคามันแค่ 20โซเลส เท่านั้น ในขณะที่คนอื่นๆ เสนอราคา 50 โซเลส ด้วยความรีบร้อน เกรงว่าจะดึกเกินไป เราตกลงไป กับ นายอ้วนทันที ..
นายอ้วน เดินนำเราไป ที่จอดรถ ซึ่งจอดอยู่ในที่จอดรถสนามบินทั่วไป น้องสาวฉัน พูดขึ้นมาว่า ..ทำไมมันตัดราคากันแบบง่ายๆเลย มันไม่ต่อยกันรึ. ฉันรู้สึก สะดุด กับคำพูดนี้ แต่ก็ยังคิดในแง่ดีว่า เขาคงทำแบบนี้กัน เป็นประจำมั้ง
พอเดินมาถึงรถ ก็รู้สึกสะดุดอีกครั้ง เพราะ รถไอ้อ้วน ไม่ใช่รถแทกซี่ ไม่มีป้าย ไม่มีตราอะไรทั้งนั้น เหมือนรถใช้ส่วนตัวทั่วไป ฉันทักขึ้นมาว่า .เอ๊ะ ไม่ใช่แทกซี่นี่ แต่น้องสาวฉัน ปลอบใจว่า มันมีบัตรเหมือนไอ้พวกกลุ่มนั้นเลยนะ ชุดก็เหมือนกัน
ฉันอุทาน ขึ้นมาว่า หรือว่า จะเป็นบัตรปลอม แทนที่จะรู้ตัว เราก็ยังชะล่าใจ ขึ้นรถไปกับมัน…
ตอนลำเลียงของขึ้นรถ นายอ้วนโยนกระเป๋าฉัน ใส่ด้านหลังรถ ดังโครม น้องสาวฉันอ้าปาก จะบอกมันว่าในกระเป๋ามีเลนส์ อย่าโยน แต่ฉันยกมือ ห้ามไว้ ไม่ต้องบอก โยนช่างมัน
ฉันเดินขึ้นรถ พร้อมกดโทรศัพท์ เชคจุด สถานีรถบัสจาก จีพีเอส ในมือถือ พยายามดูว่า มันพาออกนอกเส้นทางไหม มองที่ประตูรถ เห็นว่าไม่มี central lock คิดว่า ไม่น่าจะเป็นไร
ตอนออกรถ นายอ้วน ถามพวกเราเป็นภาษาสเปนว่า มาจากประเทศไหน พร้อมแนะนำตัวว่า ชื่อ โจ เราบอกว่ามาจากประเทศไทย
ถามว่า เรามาที่เปรูครั้งแรกเหรอ เราบอกว่าครั้งที่สาม ถามว่าไปกุสโคมาเหรอ มาชูพิกชูใช่ไหม เราตอบว่า ใช่!!
เราจะไปไหนต่อ เราตอบว่าไปขึ้นรถ ของบริษัท ครูส เดล โซ เราจะไป อัวรัส
การขับรถของนายอ้วน เป็นการขับรถที่ ฉวัดเฉวียนไปตลอดทาง เหมือนรีบมาก น้ำมัน ติดชิดขีดอี คล้ายใกล้หมด เหลืออีกแค่ 2 กิโลเมตร จะถึงสถานีขนส่ง ก็เกิดเรื่อง
มันบอกเราว่า น้ำมันหมด จะเติมน้ำมัน ขอเก็บเงินก่อนพร้อมเลี้ยวเข้าปั๊มโทรมๆ ข้างทาง ……
พอมันจอดที่ปั๊มน้ำมันปุ๊บ ฉันควักเงิน 40 โซเลสยื่นให้ นายอ้วนเอาลิส ราคางี่เง่าเก่ากาก คาดว่า คงใช้กรรโชกทรัพย์คน มาตลอดชีวิต ยื่นใส่หน้าฉัน แทบกระแทกเบ้าตา พร้อมพูดว่า ไม่ใช่ 40 โซเลส แต่เป็น 40 USD
ในใจฉัน ตอนนั้นคือ กูโดนแล้ว แต่ยังทำเป็นใจดีสู้เสือ ฉันควักเงิน ดอลให้มัน 40 USD ในใจรู้เลยว่ามันเอาต่อแน่ มันบอกว่ามันไม่เอาเงินดอล มันจะเอา 120 โซเลส
พูดไม่พูดเปล่า มันขับรถกระชาก ออกจากปั๊มน้ำมัน ไปจอดตรงข้างถนนที่มืดและเปลี่ยว ตอนนั้นมีวัยรุ่นสองคนเดินผ่านมา มันรีบกดล็อครถ คงกลัวว่าเราจะเรียกให้สองคนนั่นช่วย ฉันพลาด รถมี central lock แต่ตอนนั้นคือ กระเป๋าและข้าวชองเราอยู่หลังรถมัน ฉันไม่อยากเสียข้าวของไป แล้วถ้าเรียกให้ช่วย เกิดซวยสองเด้ง หนีเสือปะจรเข้ จะทำยังไง
ฉันตัดสินใจควักเงินให้มัน 120 โซเลส และตามคาดมันบอกว่า ไม่ใช่ 120โซเลส เราต้องให้มัน 240 โซเลสตะหาก คนละ 120
ฉัน แกล้งโง่ถามมันว่า ก็ในใบราคานั่นบอกว่า กิโลเมตรละ 2 USD นี่แค่ 8 โล เองนะ มันตะคอกใส่หน้าฉัน เสียงดัง ว่า ไม่มีมิเตอร์ “มิเตอร์มีไหน แหกตาดู ซิ มีไหน” มันบอก
น้องสาวฉันเริ่มโมโห นางเริ่ม ชักสีหน้า กระสับกระส่าย ถามฉันว่า จะทำยังไง ฉันสะกิด บอกนางว่า ห้ามโกรธนะ ห้ามแสดงอาการโกรธ ไม่ว่ามันจะทำอะไรก็ตาม
ฉัน บอกมันว่า ในตัวฉันไม่มีเงินแล้ว มันตะคอกใส่ฉัน พร้อมกดมือถือ บอกว่ามันจะเรียกตำรวจ ฉันบอกมันว่า เรียกตำรวจมาที ฉันจะได้ให้ตำรวจพาเราไปกดตังมาให้มันไง เรียกเลย ฉันบอกมันว่า ถ้าเรทราคา มาแบบนั้น ฉันก็ต้องจ่ายแหละ ค่าครองชีพที่นี่สูงจังเนาะ แต่ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ ฉันตอบมันไป แบบกะท่อนกระแท่น
แต่ตอนนี้ฉัน มีแต่เงินดอลนี่ 40 ดอล ทั้งเนื้อทั้งตัว ถ้ายังไงพาเราไปกดเอทีเอมที่หน้า สถานีรถบัส ฉันจะกดตัง มาจ่ายให้ ฉันไม่กลัวตำรวจ เพราะไม่ว่ายังไง ฉันก็จะจ่าย มันพยักหน้าบอกว่า ตกลง
แต่เหตุการณ์ก็ไม่ได้น่ากลัวน้อยลง เพราะ ทางไปสถานีรถบัสต้องเลี้ยวขวา แต่ มันกลับเบี่ยงรถ เพื่อเลี้ยว ไปทางซ้าย
น้องสาวฉันสะกิดฉันให้ดู ทิศทางจีพีเอสในโทรศัพท์ มันกำลังจะพา ไปอีกทาง ซึ่งไม่ใช่ สถานี ขนส่งแน่นอน…
ตอนที่ 3 แทกซี่เปรูกับ.เมืองลิมา เมืองที่ไม่ควรไปคนเดียว
ฉันรีบตะโกน ขึ้นมาว่า ทางขวานะ ทางขวา ทางขวา พอมันเห็นว่าเรารู้ทาง มันเลยหักเลี้ยวขวา แบบกระทันหัน น้องสาวฉันถอนหายใจ
พอเลี้ยวขวามาถูกทาง มันบอกว่าไปด้านหน้าไม่ได้เค้าไม่ให้เลี้ยว ต้องไปทางด้านหลัง พร้อมขับรถ ไปทางด้านหลังขนส่งที่เปลี่ยวสุดๆ
ฉันตัดสินใจ ร้องขึ้นมาว่า no no แล้วก็ปลดล็อคประตู เปิดประตูรถพรวด ตอนนั้นคิดแค่ จะกระโดดลง แล้ววิ่ง น้องสาวฉัน ต้องรู้จังหวะอยู่แล้ว นางต้องทำตามแน่ๆ ถ้าจะจับ มันต้องจับฉัน ที่วิ่งไปคนแรกให้ได้ก่อน จะเป็นช่องทาง ให้น้องฉัน หนีรอดไป ได้
พอมันเห็นฉัน เปิดประตู มันชะลอรถจนเกือบหยุด แล้วตะคอกใส่ฉันสุดเสียง “ก็ขนส่ง ไง” มันหันหลังมามอง หน้าฉัน ใบหน้าถมึงทึง“ก็จะกดตังไง” ฉันตอบ “ 120 ใช่ไหม 120ไง กดตัง”
มันทำท่าหัวเสียมาก ฉันว่า มันรู้แล้วล่ะ ว่าเรารู้ตัว และ เรามีสองคน ถ้าวิ่งหนี คนนึงต้องรอดไปได้ มันโดนจับแน่ ถ้ามีคนเดียว ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่ามันจะทำยังไง
ฉัน บอกมันว่าขอโทษที่ เปิดประตูรถกระทันหัน “เอทีเอมไง เอทีเอม คอนคีโร ออโตมาติโก้ เซียนเบนเต้ไง” แปลว่า 120 ไง จะไปกดเอทีเอมให้ไง
มันขับรถเลี้ยวพรวดออกมาที่ปากซอย เป็นจุดหน้าขนส่ง ฉันบอกมันให้รีบขนของลง และรอที่นี่ จะรีบไปกดเอทีเอม
พอของลงจากรถ ปุ๊บ ฉันคว้า กระเป๋าลากใบเล็กที่ใส่เลนส์ ก่อน แล้วพุ่งตรงเข้าไปหา รปภ. ตัวยักษ์สองคนทันที
”โปลีเซีย โปลีเซีย help!” พอไอ้อ้วนแทกซี่เห็นแบบนั้นปุ๊บ มันรีบออกรถหนีไปทันที
ฉันขอรปภ. พาไปส่งที่ หน้าเคาน์เตอร์รถบัส เพราะกลัวมันตามกลับมา ตัวมันใหญ่มาก ตบทีเดียว ฉันคงตายคามือมัน
ความขนลุกคือ ถ้าเราไปบอกมันว่ามาจาก ญี่ปุ่น คงถูกลักพาตัว เพราะ ใครๆก็รู้ ว่าคนญี่ปุ่น ร่ำรวยขนาดไหน แทกซี่เปรู มีเอี่ยวเรื่องการ ลักพาตัว เคยมีข่าว อยู่อาจไม่บ่อย แต่ถ้าโชคร้าย ก็ไม่แน่ ลักพาตัวไปทำอะไร มีได้หลายอย่าง ทั้งกักขังและบังคับให้กดเงิน ให้จนหมดบัญชี ทั้งหายสาบสูญ ก็เคยมี
ถ้าวันนั้น มีฉันแค่คนเดียวล่ะ ไม่อยากจะคิด และถ้าเราไม่รู้ทาง ไม่รู้ว่าขนส่งอยู่ไหน ไม่รู้ว่ามันพาออกนอกเส้นทาง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ฉันขึ้นนั่ง ในรถบัส เหตุการณ์แย่ๆ ยัง คงวนเวียนซ้ำซาก อยู่ในหัว . ถ้าวันนี้ เราไม่โชคดี ถ้ามันมีปืน.. หรือ เอามีดจี้ ฉันคงพาน้องสาว ไปเสียชีวิตในต่างแดน โดนที่แม่ ต้องสูญเสียลูกสาว ไปทั้งสองคน.. เป็นความผิด และความประมาท ของฉัน เพียงผู้เดียว .. ฉันต้องระวัง ให้มากกว่านี้ ครั้งหน้า อาจไม่โชคดี เท่าครั้งนี้ อีกแล้ว ..
สวยมากครับเลยครับ
ถูกใจถูกใจ
ขอบคุณค่ะ
ถูกใจถูกใจ
อันตรายขนาดนี้เลยหรอครับเนี่ย
ถูกใจถูกใจ