รีวิวทริป เปรู ตอนที่ 8 เส้นทาง สู่ยอด ผู้หญิงตาย
อาเบล พยายามบอกฉันว่า อีกไม่นาน ราวชั่วโมงเดียว เท่านั้น เรา จะไปถึงที่พัก แต่มันเป็นชั่วโมงเดียว ที่ฉัน รู้สึกเหมือน ชั่วกัปชั่วกัลป์ ..
เราเดินผ่านแสงไฟ ไปสองครั้ง แต่ละครั้ง ฉันรู้สึก ตื่นเต้นดีใจ ว่าถึงที่พักแล้ว แต่ต้อง ผิดหวัง ตอนที่เห็นว่า มันเป็นแคมป์ จริง แต่ไม่ใช่แคมป์ของเรา..
ความรู้สึกกลัว วาบเข้ามา เป็นระยะ นึกถึงตอนที่ฉัน ไปเดินป่า เพื่อขึ้นยอดภูเขาไฟ ที่ แทนซาเนีย ตอนตีสาม แล้วเป็นเหตุให้เดินขึ้นไป ไม่ถึง เพราะ มาไซ คนนำทาง ดันส่องไฟ ไปเข้าลูกตา เสือดาว ที่แอบซุ่มตาม เรามา ใกล้ แค่ ช่วง ไม่ถึงสิบเมตร. และฉัน คือ คนเดินปิดท้าย ที่ตัวเล็กและโจมตีง่ายที่สุด แน่นอนว่า ที่นี่ ไม่มีเสือ แต่มีหมี….
จนกระทั่ง แสงไฟ จุดที่ 3 ถึงเป็นจุดหมายอันแท้จริงของเรา แคมป์ของเรา พ่อครัวของเรา ลูกหาบของเรา .. ต่างคน ต่างยืนยิ้ม รอพวกเราอยู่ ..
พ่อครัว เตรียมอาหาร ให้พวกเราเรียบร้อย.. พร้อมกางเต๊นท์ ฉันรู้สึกเหนื่อย จนไม่หิว แต่ก็ ต้อง ลุกออกไปกิน ที่นี่ไม่ใช่บ้าน ฉันมาเดินป่า มาใช้พลังงาน ถ้าไม่กิน ก็ไม่มีพลังงานเดินต่อ ฉันได้แต่บอกตัวเอง พร้อมลากสังขาร กิน แบบไม่รู้รสชาติอะไร ..
จุดที่พวกเราตั้งแคมป์ เป็นแคมป์ ใหญ่ มีเต๊นท์ เรียงราย เกินสิบเต๊นท์ .. ฉันเดิน ฝ่าสายฝนออกไป หาห้องน้ำ..
ห้องน้ำ จุดแรก บอกได้แค่ สยองขวัญ สั่นประสาท แต่ยังดีที่มีน้ำ ที่ต่อท่อ มาจากน้ำตก แต่กลิ่น ตลบอบอวล จนต้องกัดผ้ากลั้นหายใจ ..
บอกตรงๆว่า ไม่ได้มองลงข้างล่างเลย หลับตา กลั้นหายใจ ลากสายยางใส่ แล้วรีบวิ่งออกมา.. ทำได้ แค่นั้น จริงๆ
คืนนั้น ฝนตกลงมาทั้งคืน อากาศทั้งเปียกชื้น ทั้งหนาวเหน็บ.. ฉันพยายามข่มตาให้หลับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว ..
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา ตอนเที่ยงคืน เพราะความที่ ปวดปัสสาวะ .. แหวกเต๊นท์ มองออกไปข้างนอก .. อากาศหนาวเย็นยะเยือก ฝนยังคงตกลงมา ไม่ขาดสาย..กลิ่นห้องน้ำ ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกฉัน.. แค่คิดว่าต้องเดินฝ่าฝนสุดหนาว เพื่อไปเข้าห้องน้ำ สุดเหม็น ฉันก็ หมดแรง…
“ เอานี่ไป” น้องสาวฉัน ยื่น ถุงขนม เป็นถุงพลาสติกขนาดกลางให้ ..
“ เธอใช้นี่ ตรงหน้าเต๊นท์ ฟลายชีท คลุม ถึงพื้น ไม่มีใครเห็น .. แต่ ทำให้ระวังนะ แล้วเอาไป เททิ้ง”
ฉันรับถุงพลาสติกมา เอาน่า ก็เหมือน สมัยอยู่กรุงเทพ แล้วรถติด แต่ด้วยความที่ ฉันปวดมาก หรือเพราะหนาวจนตัวสั่น หรือ กะปริมาณ ผิดพลาด ฉันทำล้นถุง ด้วยความตกใจ ฉันปล่อยถุง หลุดมือ … แน่นอนว่า ไหลนองอบอวล น้องฉันกรีดร้อง…
ฉันค้นเอาแชมพู ทั้งหมดที่มีอยู่ รวมถึงน้ำดื่ม เทลงไปล้างทำความสะอาด .
” เดี๋ยวฝนก็ชะไปเองแหละ เธอ” ฉันบอก พร้อมยิ้มแหยๆ .. แต่น้องสาวฉันไม่ขำด้วย .. .นี่ฉันต้องนอนดมฉี่เธอ ทั้งคืน ใช่ไหม” นางแค่นเสียง ..
ฉันทำได้แค่ ยิ้มเจื่อนๆ .. คราวหน้า จะ ไม่ คอมฟอร์ทร้อย หน้าเต๊นท์ อีกเด็ดขาด เข็ดขยาดไป อีกนาน
ตอนเช้า ตอน ลูกหาบ มาเก็บ เต๊นท์ ฮีทำหน้าแปลกๆ ทำจมูกฟุดฟิด .. ฉันทำเป็น ไม่รู้ไม่ชี้ รีบเก็บของ หลังกินอาหารเช้า ที่พ่อครัวเตรียมให้ รับห่อข้าวกลางวัน มาใส่กระเป๋า เอาขวดพลาสติก สองขวดที่พกมา ไปตวงน้ำดื่ม ที่พ่อครัว ต้ม เตรียม เอาไว้ให้ เตรียมพร้อมออกเดินทาง
ได้เวลาออกเดินทาง เดินต่อ สำหรับ Inca Trail วันที่สอง..สู่ยอด “ผู้หญิงตาย”
วันที่สองของ การเดิน .. อากาศ เริ่มหนาวเย็นตามระดับความสูง ที่เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ทางเดินเริ่มชันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนวันแรก ช่วงแรกของการเดิน เป็นการเดินผ่านป่า สีเขียว ครึ้ม ป่าเป็นป่าที่ค่อนข้างเย็นชื้น ตามลำต้นของต้นไม้ มี มอส เฟิร์น ซึ่งเป็นพืช ที่ชอบอากาศเย็นและชื้น เกาะอยู่เต็มไปหมด ธารน้ำ และน้ำตก มี ให้ชม เป็นระยะ ไปตลอดทาง หลังเดินไต่ระดับ ด้วยความยากลำบาก ซักพัก ฉันเริ่มสังเกตว่า พื้นดินที่เราเดิน เริ่มกลายเป็นพื้นหิน และเริ่มกลายเป็น ขั้นบันไดที่ทำด้วยหิน… นี่คือจุดเริ่มต้น ของ เส้นทางแห่งอินคา ที่แท้จริง …
เส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ อินคา หรือ Inca trail เป็น การนำหิน ก้อนใหญ่ มาเรียงต่อกัน ด้วยนวัตกรรมพิเศษ ของชาวอินคา การเรียงต่อกัน จะเชื่อมกันด้วยสลัก เพื่อเพิ่มความแนบสนิทและทนทาน ของหินแต่ละก้อน เส้นทางนี้ มีอายุ ยาวนาน ถึง 700 ปี เป็นเส้นทาง ที่ยังคงมีสภาพ ดี ถึงแม้ว่าจะเคยถูกทิ้งร้าง มาอย่างยาวนาน จนนักประวัติศาสตร์ ชาวอเมริกัน Hiram Bingham มาพบเข้า ในปี คศ. 1911
inca trail ที่เป็น ของดั้งเดิม มีระยะ ทางถึง 48 กม. เป็นบันไดหิน บนเขาสูงชัน ชาวอินคา ต้องใช้ความมุมานะ ความลำบาก และความสามารถ มากขนาดไหน ถึงขนหิน มาสร้างทางเดิน ได้ ยาวขนาดนั้น..
หลายคนอาจจะคิดว่า หมู … เธอไป เดินป่า.. ที่มีบันได รองรับ.. ตอนแรก ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน..
แต่บันไดที่ว่าเนี่ย มันสูง 9 กิโลเมตร และต้องเดินขึ้น ในวันเดียว..
บันไดที่ว่าเนี่ย มันอยู่ในระดับความสูง ที่อากาศ เริ่มเบาบาง เดินแค่นิดเดียว ก็เริ่มรู้สึก ว่า สูดอากาศ เข้า ไม่เพียงพอกับปอด . หอบ และเหนื่อยง่าย
บันไดที่ว่าเนี่ย … แต่ละขั้น ต้องก้าวสุดขา.. จนฉัน ต้องหันไป ถาม คุณอาเบล ไกค์ ของเราว่า … ชาวอินคาเนี่ย เขาขายาว ตัวสูงใหญ่มาก ใช่ไหม ทำไมถึงทำขั้นบันได ที่สูง ขนาดนี้ คุณ อาเบลตอบว่า ไม่สูงหรอก ตัวเท่าคนสมัยนี้นี่แหละ …
เทคนิคการเดินขึ้นเขาของฉัน คือการก้าวขาสั้นๆ เท้าต่อเท้าเก็บแรง … เพื่อไม่ให้หอบหายใจเหนื่อย … ใช้ไม่ได้ ที่ Inca trail
เพราะบันไดแต่ละขั้น ฉันต้องก้าวสุดขา ถึงเดินขึ้นไปถึง
อากาศหนาวเย็น และชื้น บางครั้งมีฝนตกลงมา.. คุณคงจินตนาการได้ ถึงความลื่น ของบันไดหิน ที่เปียกน้ำ..