ตอนที่ 18 เดินทางกลับ Rio De Janeiro
เราสองคนเดินขึ้นเนินสูง ผ่าน โบสถ์ .Sao Francisco de Paula church
ไปยังสถานีรถประจำทาง แมน ยืนยิ้มแป้น รออยู่แล้วพร้อมสัมภาระ .. มีชายบราซิลร่างใหญ่พูดภาษาอังกฤษ คล่องปรื๋อคนนึง ยืนขนาบข้าง
ชายชาวบราซิล พูดกับพวกเราว่า “สนใจจะแชร์แทกซี่ ไป เบโร ฮอริซอนเต้ไหม คิดราคาเดียวกับรถบัส หรือลดถูกกว่ารถบัสนิดนึงก็ได้ ไม่ต้องรอเวลารถบัส ไปกันได้เลยตอนนี้ เพราะมีผู้โดยสารคนนึงที่จะไปด้วยในตอนนี้แล้ว รอแค่หาคนแชร์”
เรายืนอ้ำอึ้งกันอยู่พักใหญ่ เพราะ ไม่มั่นใจในความปลอดภัยว่า จะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ แต่แมนดิโก้ บอกว่าไม่เป็นไร จริงๆ แล้ง แมนไม่ได้ มีเครดิต ให้เราเชื่อถือ อีกต่อไปแล้ว แต่ ด้วยความที่มองหน้า คนร่วมทางอีกหนึ่งคน ที่เป็นหนุ่มน้อย หน้าตาดี เราเลย คิดว่าจะลองเสี่ยงดู ค่าแชร์ รถแทกซี่ ไป เบโล ฮอริซอนเต้ อยู่ที่คนละ 1300 บาท สามคน 3900 บาท แพง มหาโหด แต่ ถือว่า ราคาถูกกว่ารถ บัส และไม่ต้องรอเวลา
จาก อูโร เปรโต้ เราต้องเดินทางต่อไป เบโร ฮอริซอนเต้ ..
Belo Horizonte เป็นเมืองหลวงใหม่ ของรัฐ Minas Gerais เมืองหลวงเดิม ของรัฐนี้ คือ เมือง Ouro Preto นั่นเอง เราไป Belo Horizonte เพื่อที่จะ บินกลับ ริโอ เดจาเนโร พยากรณ์อากาศ บอกว่า วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันที่ท้องฟ้าโปร่ง ไม่มีเมฆฝน การรอคอยอันยาวนาน เพื่อจะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ บินชม Christ the redeemer มีแววว่า จะได้สมหวัง
ถนนหนทางจาก อูโร เปรโต้ ไป เบโล ฮอริซอนเต้ เป็นถนน สองเลน กว้างขวาง ถนนหนทาง เป็นเหมือนถนนเส้นหลัก รถราไม่มากนัก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีรถ เราใช้เวลา เดินทาง ราว สามชม. ก็ถึงสถานีขนส่ง เบโล ฮอริซอนเต้ ..
ที่สถานีขนส่ง เราซื้อ ตั๋วไป สนามบิน ซึ่งอยู่ห่างไป อีก หลายสิบกิโล ต้องใช้เวลาเดินทางโดย shuttle bus อีกราว หนึ่งชม. ถึงหนึ่งชม.ครึ่ง เราซื้อตั๋วเอาไว้ ตอนบ่ายสี่โมงครึ่ง เพื่อไปเชคอินให้ทัน เครื่อง ตอนค่ำ ตอนนี้ มีเวลาเดินเล่น ใน เมือง เบโล ฮอริซอนเต้ ราว สามถึงสี่ชม.
เราเอาสัมภาระจำนวนมาก ไปฝากเอาไว้ในตู้รับฝากสัมภาระ ที่รับฝากรายชั่วโมง ข้าวของสัมภาระเรา มีค่อนข้างเยอะมากเพราะ เราขน ขาตั้งกล้อง อุปกรณ์กล้องถ่ายใต้น้ำ และ อุปกรณ์ ดำน้ำ ไปด้วย ..ทำให้ต้องเลือกตู้ สัมภาระขนาดใหญ่ ที่ เสียค่าฝากของ ราว 450บาท หลังจ่ายเงิน ค่ากุญแจล็อคตู้แล้ว ปัญหาคือ แม่สาวบราซิลผิวคล้ำคนเฝ้าตู้ ไม่ยอมให้เราเอากุญแจติดตัวไปด้วย จริงๆ แล้วเรื่องราวมันก็ไม่ได้ยาก เราก็ แค่ทิ้งเอกสารเอาไว้ให้ เพราะนางบอกว่านางให้กุญแจไปไม่ได้เพราะ กลัวว่าเราจะเอากุญแจไปปั๊ม แล้วกลับมาขโมยของในภายหลัง คือ หน้าตา เรา คงขี้ขโมยมาก . แต่ เราให้เหตุผลว่า ฉันก็กลัวเธอ นั่นแหละ จะมาไขเขาของฉัน ในภายนี้ .
เรากับน้องสาวพยายามเลี่ยงเดินหนี ทำเป็นไม่เข้าใจ ด่าได้ด่าไป กูอึน.. เดินหนีไปแล้วค่อยกลับมาเอาของ แต่ แมนไม่ยอมรับมุข ดันไปยืนทะเลาะอะไรไม่รู้กับนางอยู่นานสองนานจนเราสองคนต้องเดินหนี ตะโกนบอก ว่าจะไปห้องน้ำ กะว่าถ้า ไม่มาคงทิ้ง ฮี เอาไว้ ให้อยู่เฝ้าของนั่นแหละ
หลังหลบออกมาจาก สถานีขนส่ง เราเดินลัดเลาะ จาก ด้านหน้าขนส่ง มุ่งตรงไป ยังตลาด กลางขนาดใหญ่ ที่อยู่ไม่ไกลมากจากสถานีขนส่ง แค่ราว หนึ่งกิโลเมตร
ตลาดกลางของ เบโล ฮอริซอนเต้ หน้าตาคล้ายตลาดบ้านเรา มี ของขาย ตั้งแต่ตลาดสัตว์ เลี้ยง ดอกไม้ ไป จนถึงของสดของแห้ง และ ชีสต์ ที่ถือว่าเป็นอาหารหลัก ของชาวบราซิล
เราเดินไปกินข้าวในตลาด กับร้านอาหาร ที่ดู ธรรมดามากที่สุด สั่งสปาเกตตี้ กับ อกไก่ทอด กับหมูทอด แบบเพิ่มหมู พิเศษ .
อาหารธรรมดาและพื้นๆที่สุดมื้อนั้น เรา จ่ายค่าอาหารไป ถึง 1000 บาท
แมน เดินไป ซื้อลูกกวาด ทำจากกล้วย เดินเอามาให้
“นี่เงิน แมนนะ แมนซื้อด้วยเงิน แมนเอง เพื่อเธอ ทั้งสอง คน “ อือ ตั้งแต่ ออกทริปด้วยกันมาหลายวัน ฉัน ก็เพิ่งได้กิน ของแกนี่แหละ..
ด้านหลังตลาด คุณแมน ที่เก็บงำเงินมานานนับพันปี ก็เริ่ม ชอปปิ้ง เริ่มซื้อ ข้าวของไปฝากคนนั้นคนนี้ ซื้อเหล้าไปฝากเจ้านาย ซื้อที่ปิดตาไปฝากแม่ แล้วก็ของอะไรอีกจิปาถะ . .
หลังตลาด มีร้านขาย โปรตีน สำหรับ ชายผู้รักในรูปร่าง มีพนักงานขาย ที่หล่อกระชากใจทั้งใบหน้าและรูปร่าง
“ นั่นแฟน ฉัน” ฉัน บอกแมน พร้อม ชี้ไป ที่หนุ่มคนนั้น
“นั่นมัน พวกเกย์” แมนบอก
ฉันหันมามองหน้ากันกับน้องสาว มองน้องคนขาย ที มองแมนที
น้องคนขาย หล่อ ล่ำ คม เข้ม กล้ามเด้ง ไปทุกสัดส่วน คือโลกของเกย์
แมน. เตี้ย ลงพุง เชื่องช้า อุ้ยอ้าย อ่อนแอ โลกของผู้หญิง แม่งช่าง อาภัพ..
เดินผ่านมาอีกนิดหลังตลาด เจอร้านขายพริก นานาชนิด มีแม้แต่พริกขี้หนูสวน ฉันถามคนขายว่า นี่มันพริกขี้หนูสวนของไทยนะ แต่ นางยืนยันว่า เนี่ยน่ะ มันพริก บราซิล .
น้องสาวฉัน อยากซื้อพริกแห้งติดมือ เอาไว้ทำกับข้าว เพราะทริปยังอีกยาวไกล ราคา พริกแห้งคือ ราว20บาทไทย เราถามหา ที่แลกเงิน หรือตู้เอทีเอม เพราะ เงิน เปโซ เราหมดแล้ว
“ยืม แมน ก่อนก็ ได้ “ แมน เดินเข้ามา ยิ้มแฉ่ง พร้อม ยื่นเงิน 1.5 เปโซ ให้เรา
“ยืม “ ฉันทวนคำ .. “20 บาท ต้องยืม” ฉันแอบร้องไห้ อยู่ข้างใน
”
หลังกดเงิน มา เราซื้อ พริกป่นให้น้องสาว เดินเที่ยวเล่นตลาดอีกนิด แล้ว เดินกลับ .. แมน หยุด ถามทางเดินกลับไปขนส่งตลอดทาง แต่ เรากับน้องสาว เริ่มเดินปลีกตัวออกห่าง เราจำทางได้ นี่แมน มาช่วยนำทาง ช่วยให้การเดินทางง่ายขึ้น จริงรึ
เราไปเอาของที่ฝากไว้ที่สถานีขนส่ง สาวบราซิลเจ้าเดิม เดินมา รัวภาษาบราซิล ไวเท่าแสง….. คนที่นี่ เวลาด่ากัน พูดไวรัวเร็ว กว่าแพลงแรพ ซะอีก
เราทำเป็นไม่ได้ยิน หูตึง ไม่เข้าใจ แมนเดินเข้าไป รัว ภาษาเพลงแรพ กับนาง เสียงดังสนั่น
“ แมน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” ฉันเริ่มหงุดหงิด
ฉันเก็บของ แล้วเดินหนี…
เดินกันมาได้ พอสมควร ยังไม่ไกล สาวบราซิลนางเดิม วิ่งตามหลัง พวกเรามา ด้วยความเร็วสูง หน้าตา เอาเรื่องสุดๆ
เราหยุดกึก นางพุ่งตรงเข้าหาแมน ที่ยืนจังก้ารอท่าอยู่ วินาทีนั้นเราคิดว่า “ไอ้แมนโดนแล้ว มันโดยต่อย แน่ๆ”