ตอนที่ 13 เดินทางย้ายเมือง
หลังคุยกับเจ้าหน้าที่สายการบิน.. เราคืนตั๋วได้ สายการบิน Azul .เค้าจะคืนเงิน ให้ทางบัตรเครดิต ภายใน 5วัน .. เอกสาร เค้าไม่มีให้ แต่เรา สามารถเข้าไป เชค สถานะจากเลข การจองว่า ตั๋วเครื่องบิน นี้ ถูกยกเลิกแล้ว “คูณลูกค้า ไม่ต้องเป็นกังวล นะครับ” พนักงานปลายสาย ยืนยันกับเรา อย่างแข็งขัน…
แมน พุ่งตัวมาขอ โทรศัพท์ คืน เราวาง สายโทรศัพท์ ลงกับที่วาง. “It’s done.”. นายจะไปทำอะไรก็ทำเถอะ แมน ไม่ต้องคุยแล้ว… แมน ยิ้มแหยๆ
เราเดินสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ ..นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆ.. สารพัด จะท่อง…. อยากจะล้มลงนอนคลุมโปง แต่ติดที่อากาศร้อน ห้องพัก ไม่มีแอร์ ..
จะหยุดพัก รึก็ไม่ได้ เพราะ ต้องหาทางแก้ปัญหา ว่าจะไป เมือง Ouro Preto กันยังไง …. รถทัวร์ …คือทางออกที่ดีที่สุด ในตอนนี้… เราจะเดินทาง ตอนกลางคืน นอนในรถบัส และไป ถึงเมือง Ouro Preto ตอนเช้ามืด.
สถานี รถบัส อยู่ไม่ไกลจาก ย่าน Santa Teresa ใช้เวลา เดินทางแค่ ราวสิบนาที โดยรถแทกซี่ ก่อนออกจากบ้านพัก ของ มิสเตอร์ Wednesley เรา ถามย้ำกับแมนว่า … “ ไม่ลืมอะไรแล้วนะ ทุกคน .. แมน บัตรประชาชนนาย กระเป๋า เงิน ไม่ลืมนะ เราไม่มีเวลากลับมาเอาแล้วนะ”
แมน พยักหน้า …
เราซื้อตั๋ว รถวีไอพี ราคาค่าตั๋วคนละ 1000 บาท เป็นตั๋วรถ เที่ยว สามทุ่ม ใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง ไปยังเมือง Ouro Preto
เราไปถึง สถานีขนส่ง ตอน สองทุ่มครึ่ง .. ด้วยความที่ข้าวของ เราเยอะมาก ลำพังข้าวของ เราเอง มีถึง4 กระเป๋า ใบแรก คือ เป้ เก่า คร่ำคร่า บรรจุเสื้อผ้า และเสบียงอาหาร .. ใบที่สอง เป็นกระเป๋าลากคิตตี้ ของแท้จากประเทศลาว ซื้อตรงตลาดชายแดน ข้างในบรรจุ เลนส์ยาว เหมือนปืนบาซูก้า เป้าหมายเพื่อไว้ ส่องนก และสัตว์ป่า กล้องถ่ายใต้น้ำ พร้อม กล่องใส่กล้อง สำหรับลงไปถ่ายใต้น้ำขนาดใหญ่ยักษ์ และอุปกรณ์ ใต้น้ำต่างๆ
ใบที่สาม เป็นกระเป๋า เป้สีดำ เก่าคร่ำคร่า ข้างในบรรจุไว้ด้วยกล้องถ่ายรูปคู่กาย.. ใบที่ 4 สุดท้าย คือ กระเป๋า หรืออาจเรียกว่า ถุงหิ้วใส่ขาตั้งกล้อง
นี่แค่ของเรานะ ไม่นับของ น้องสาว กับของแมน..
เรา รับหน้าที่ดูแล สัมภาระ อยู่ที่มุมเสา ให้แมน ไปทำหน้าที่ซื้อตั๋วรถ น้องสาวเรา หันมาพูดกับเราว่า “ฉันคงปล่อยให้แมน ไปซื้อตั๋วคนเดียว ไม่ได้อีกแล้ว… เห็นที คงต้องไปคุม”
ทั้งสองเดินหายไปนาน จน อีกสิบนาที จะ สามทุ่ม แมนก็วิ่งกระหืดกระหอบ มาหาฉัน ..” My wallet, My ID card” “กระเป๋าสตังค์ ของแมน บัตรประชาชนของแมน “
“หา! อะไรนะ !” ฉันถามเสียงแหลม…..
“แมน ลืมกระเป๋าเงิน ไว้ที่ บ้าน คุณ Wednesly บัตรประชาชน อยู่ในนั้น แมนต้องใช้ซื้อตั๋วรถ” แมนตอบ พร้อม เริ่มต้น ค้นกระเป๋า เป้ ของตัวเอง อย่างลนลาน
“แล้ว ลืมได้ยังไง ฮะ!” เสียงฉันเริ่มแหลมสูงขึ้นเรื่อยๆ “ เราเตือนนายแล้วใช่มั๊ย ก่อนจะออกมา ว่ากระเป๋าเงินมีไหน ทำไมถึงไม่สนใจฟังกันบ้าง แล้วจะทำยังไงฮะ!”
ที่บราซิล ถ้าไม่มีหลักฐานยืนยันตัวตน เขาไม่ให้ขึ้นรถ
แมนไม่ตอบ ยังคงก้มหน้างุดๆ ค้นกระเป๋าเป้ตัวเอง มือไม้สั่น .. ฉันเริ่มเดินวน รอบตัวแมน เป็นวงกลม…
น้องสาวฉัน วิ่งมาตาม… รถจะออกแล้วนะ เธอ อีก ห้านาที… บรรยากาศ โคตร ของโคตร จะตึงเครียด…
แมนล้วงอะไรบางอย่าง ออกมาจากเป้ที่ยุ่งเหยิง .. “ถึงจะหากระเป๋าไม่เจอ แต่โชคดี ยังมีพาสปอร์ต” แมนบอก พร้อมยิ้มอย่างผู้มีชัย..
ตอนนั้นคือ ถ้ามันหาไม่เจอ .. เรากะทิ้งมันละ .. คุณแมน..
เราสามคน วิ่งกระหืดกระหอบ .. หิ้วกระเป๋าพะรุงพะรัง เพื่อไปขึ้นรถ วีไอพี เที่ยวดึก จุดหมาย คือ เมือง Ouro Preto เมืองมรดกโลก อันงดงาม และโด่งดัง ของบราซิล…
บนรถบัส วีไอพี..รถสภาพใหม่ สะอาด เบาะกว้าง สุดแสนจะ หรูหรา นอนสบาย.. คนขับรถ ทำหน้าที่ทุกอย่าง ทั้งขับรถ ไปจนถึงขนกระเป๋า แน่นอนว่า ไม่พบเห็น พนักงานบริการบนรถ.. เมื่อไม่มีพนักงานบริการบนรถ จึงย่อมไม่พบเห็นการบริการน้ำ หรือผ้าห่ม..
ถ้าคุณจะใช้บริการ รถบัส ของประเทศบราซิล พึงจดจำเอาไว้ว่า .. จงเตรียมน้ำดื่ม เอาไว้ให้เพียงพอ.. จงเตรียมผ้าห่มและหมอนมาเอง และจงเตรียมอาหาร หรือกินอาหารเอาไว้ให้อิ่มก่อน ขึ้นรถโดยสาร เพราะทั้งสามสิ่งนี้ ไม่มีบริการบนรถ..
คืนนั้น ฉันนอนขดตัวสบาย บนเบาะ ที่แสนกว้างใหญ่ สะดุ้งตื่นสุดตัวหลายต่อหลายครั้ง เมื่อรถเหวี่ยงคล้ายจะหลุดออก นอกเลน
หลายครั้ง ที่เรา เริ่มรู้สึก ปลงกับชีวิต กับสังขาร.. คนเรา ถ้าถึงคราว ก็คงจะต้องตาย…
ฉันรู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อตอนรถเข้าเทียบ ชานชลาขนส่ง ขนาดเล็กที่มีรถจอด แค่ไม่กี่คัน .. ตอนนั้นเป็นเวลาใกล้จะรุ่งสาง..อากาศ หนาวเย็น ต่างกับ ริโอ เดจาเนโร อย่างสิ้นเชิง.. Ouro Preto จะสวยงามขนาดไหน มีความเป็นมายาวนานยังไง.. เราจะเริ่มค้นหากัน เมื่อฟ้าเริ่มสว่าง…